แม้หนึ่งใน 3 ป. ที่เคยเป็น “น้องรัก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย จะนำพากรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เข้าอวยพรปีใหม่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สะท้อนถึงบารมีที่ยังมีมนต์ขลังอยู่ แม้จะถดถอยลงมาก และก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า ผบ.เหล่าทัพ ได้เข้าอวยพรปีใหม่ “ลุงป้อม” แล้วเช่นกัน
แต่ดูจากภาพและบรรยากาศแล้ว ดูออกจะอึมครึมชอบกล เพราะทั้งเจ้าของบ้านและผู้เข้าอวยพร หน้าตาไม่ค่อยยิ้มแย้มสักเท่าไหร่ หรืออาจเป็นเพราะออกไปในเชิงทางการมากไป ผลจากต่างใส่สูทแต่งชุดสากลยืนเรียงแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย
ในอีกด้านหนึ่ง เผอิญว่าเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้น ในช่วงจังหวะเวลาที่เจ้าของบ้าน เจอกับมรสุมหลากหลายลูกที่ประดังประเดเข้ามาไม่ได้ขาด
เฉพาะที่หนักหน่วงและคงคิดไม่ถึงมาก่อน คือ ขัดแย้งอย่างรุนแรงกับ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีเกษตรฯ เรื่องเสนอชื่อรัฐมนตรีโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ เพราะ “ลุงป้อม” หักหน้าไม่ยอมส่งชื่อ ร.อ.ธรรมนัส อยู่ในรายชื่อ จนกลายเป็นพรรคอกแตก และจบลงโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเลือก กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส แล้วเขี่ย พปชร.ออกจากรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน แบบหมดสภาพผู้มากบารมีในอดีต
เบื้องลึกเรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า เพราะมี “นายใหญ่” ผู้มากอำนาจและบารมีตัวจริงเสียงจริงปัจจุบัน เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ไม่เพียงหนุนและพูดชัดทำนองว่า รัฐบาลจะเลือกผู้กองและพวกร่วมรัฐบาล
ยังซัดใส่ “คนบ้านป่า” ว่า อยู่เบื้องหลังการล้มรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน โดยให้ สว.ในกลุ่ม ยื่นเรื่องสอยปมตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี แถมยังแสดงท่าทีไม่พอใจ ที่ไม่ยอมไปโหวตสนับสนุนลูกสาว คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในการประชุมรัฐสภา ให้เป็นนายกฯ ทั้งที่เป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล
ตามด้วยเรื่องคนดังในพรรค นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ที่ได้รับการเกื้อหนุนส่งเสริม ทั้งตำแหน่งในสภา และในพรรค ได้เป็นรองโฆษกพรรค ทำหน้าที่ปกป้อง “ลุงป้อม” แบบไม่เกรงกลัวกลุ่มของผู้กองแม้แต่น้อย ถูกกล่าวหาพัวพันเรียกตบทรัพย์จากผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป หลายสิบล้านบาท
มิหนำซ้ำ โดนตำรวจตรวจพบเส้นเงินโยงใยไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ อีก มีเงินไหลเข้าบัญชีผู้เป็นแม่รวมแล้วร่วม 100 ล้านบาท การปฏิเสธว่าทั้งตัว “ลุงป้อม” และพรรคไม่เกี่ยวข้อง ก็ยังสลัดภาพความเกี่ยวพันกันไม่ได้อยู่ดี
การตรวจสอบยังพบเส้นเงินเชื่อมโยงไปถึงคนใกล้ชิดกับลุงป้อมระดับ “หวานใจ” ยิ่งไปกันใหญ่ ไปไกลถึงขั้นมีชื่อในลิสต์ที่ตำรวจจะเรียกสอบปากคำที่มาของเงิน แม้จะมีข่าว “จูบปาก” ประสานความขัดแย้งกันได้
อ้างว่ามี “ดีลลับ” ให้เรื่องนี้ยุติ แต่คนอีกจำนวนไม่น้อย ยังเชื่อว่า “รองเต่า” พล.ต.ต.จำรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. น่าจะลุยต่อ เพราะเป็นนายตำรวจประเภทตงฉิน ไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน
อุตส่าห์ไม่พยายามพูดหรือตอบคำถามเรื่องนี้ ขณะเดียวกันก็พยายามเปิดเกมรุก เรื่อง MOU 44 พื้นที่อ้างสิทธิ์ทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา แม้ว่า “ลุงป้อม” เคยเป็นตัวแทนเจรจารับผิดชอบเรื่องนี้ของฝ่ายไทย ในสมัยรัฐบาล “ลุงตู่” แต่ไม่ยอมปริปากพูดเรื่องนี้เลย สร้างความงุนงงให้ผู้คน
ล่าสุดยังส่งนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานร่วมศูนย์นโยบายฯ และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค ลงพื้นที่ จ.ตราด ชักชวนชาวบ้านในพื้นที่ร่วมคัดค้าน MOU 44
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ยังโดนลูกหลงจากนักข่าวสภาฯ ตั้งฉายาปี 2567 มีชื่อ “ลุงป้อม” อยู่ในลิสต์อีกต่างหาก ในฐานะ “ดาวดับ” ของสภาฯ หมดทั้งลาย สิ้นทั้งราศี ถูกร้องจริยธรรม จากโดดประชุมสภา 84 ครั้ง จากมีประชุม 95 ครั้ง
โดยพฤติการณ์มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง ไม่เข้าร่วมประชุม เท่ากับขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ สส. เมื่อถูกวิพากษ์เรื่องนี้ “ลุงป้อม” กลับใช้วิธีไม่รับเงินเดือนแทน อ้างว่าเพื่อทำตัวเป็นแบบอย่างให้กับ สส.คนอื่น ทั้งทีที่ความจริงแล้ว การเข้าประชุมสภา จะเป็นตัวอย่างที่ดีและตรงที่สุด
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก จะโดนจัดหนักแบบไม่อ้อมค้อมจากกูรูและนักวิชาการระดับตัวตึงหลายคน ระบุชัด “ลุงป้อม” อยากเป็นนายกรัฐมนตรีตำแหน่งเดียว ไม่อยากเป็น สส. หรืออยากทำหน้าที่อย่างอื่น ที่ไม่ใช่นายกฯ
การยืนยันไม่ลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ หนึ่งเดียวของพรรคพลังประชารัฐ เพียงเพื่อรักษาสถานภาพการเป็น สส.เพื่อเอกสิทธิ์คุ้มครองการถูกเช็คบิล หรือเอาคืนจากคู่อริฝ่ายตรงข้าม เป็นสำคัญ
เท่ากับเป็นคำตอบชัดเจน สำหรับคำถามที่ว่า ปีหน้าปี 2568 “ลุงป้อม” จะยังคงไปต่อ หรือพอแค่นี้ เพราะชัดยิ่งกว่าชัดว่า ขอ “ลุง” ไปต่อล่ะกัน
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : กำชับรพ.เอกชนห้ามปฏิเสธผู้ป่วยฉุกเฉินรองรับ UCEP ปีใหม่ 68
ไล่บี้ย้อนรอย ตรวจสอบ Invoice “กระต่าย-กอริลลา” จาก “ไนจีเรีย” ทำไมตรงกัน
ปีใหม่ 2568 ขยายเวลารถไฟฟ้ามหานคร 4 สาย เดินทางข้ามปีถึงตี 2