วันนี้ (5 ม.ค.2568) นายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางปราศรัยหาเสียงที่ จ.เชียงราย หลายเวที เพื่อช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ในนามพรรคเพื่อไทย โดยช่วงสายไปปราศรัยที่เวทีโรงเรียนปล้องวิทยาคม ต.ปล้อง อ.เทิง และช่วงบ่ายที่สนามโรงเรียนบ้านห้วยซ้อวิทยาคม อ.เชียงของ และเวทีสุดท้ายช่วงเย็นที่สนามโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อ.แม่จัน โดยมีประชาชนไปฟังปราศรัยจำนวนมาก
โดยนายทักษิณได้ปราศรัยบนเวที ระบุว่า คิดถึงพี่น้องชาวเชียงรายเพราะห่างหายไปกว่า 17 ปี และมีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่เป็นน้องรักของตนอยู่แล้วโดยเคยร่วมกันสร้างพรรคและเมื่อครั้นตนเป็นนายกรัฐมนตรีก็ให้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วยจนต่อมาได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นเมื่อได้ส่งนางสลักจฤฎดิ์ลงสมัครตนจึงต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่ อีกประการคือลูกสาวตนเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ผู้สมัครก็ลงเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยด้วย
นายทักษิณ กล่าวอีกว่าเมื่อได้กลับมาก็มุ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ให้ประชาชนจึงอยากให้ประชาชนเลือกนางสลักจฤฎดิ์ให้เข้าไปทำงานประสานกับนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของรัฐบาลจะมีการจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทั่วประเทศประมาณ 3 ล้านคน คนละ 10,000 บาทในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากนั้นยังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างการผ่อนบ้านและรถอยู่ด้วย
นายทักษิณ กล่าวต่อว่าตนไม่อยู่บ้านนานถึง 17-18 ปีเมื่อกลับมาพบว่าระบบที่เคยทำไว้เสียหายหมด จึงกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรและเห็นว่าการฟื้นเศรษฐกิจต่างจังหวัดสำคัญ ถ้าชาวบ้านมีกินมีใช้เศรษฐกิจประเทศก็จะเดินหน้า เพราะทุกวันนี้ประชาชนไม่มีเงินใช้ขาดสภาพคล่อง ร้านค้าปลีกต่างจังหวัดก็แย่เพราะมีแต่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านใหญ่ที่มาจากกรุงเทพฯ เงินก็ไหลเข้าสู่ส่วนกลางหมด สินค้าเกษตรขายไม่ได้ ฯลฯ
ดังนั้นจึงตั้งใจในการแก้ไขปัญหาโดยพัฒนาในสิ่งที่ชาวบ้านเก่งอยู่แล้ว เช่น งานหัตถกรรม ดนตรี เกษตรกรรม ฯลฯ รัฐบาลจะนำมหาวิทยาลัยเชื่อมกับ อบจ.ในการสร้างงานสร้างรายได้ จะมีการเจียระไนหาคนไทยที่เก่งๆ ทั่วประเทศ ทั้งที่บุคคลที่ทำอาหารเก่ง เป็นนักศิลปะ มีฝีมือหัตถกรรม ฯลฯ สิ่งนี้เกิดขึ้นในปีนี้ ปี 2568 นี้ กลไกสำคัญอยู่ที่ อบจ.จึงขอให้เลือกนางสลักจฤฎดิ์เพื่อให้ค้นหาเพชรเม็ดงามในเชียงรายต่อไป
นอกจากนี้ นายทักษิณ กล่าวด้วยว่านายกรัฐมนตรีที่เคยตามตนมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ขณะหาเสียงตอนตั้งพรรคไทยรักไทยก็ยังยืนดูตนอยู่ ตอนไปประชุมเอเปคที่ประเทศชิลีก็ไปด้วย จึงซึมซับการเมืองและรักพี่น้องประชาชน จึงเข้ามาทำงานทั้งๆ ที่เขาก็สบายอยู่แล้ว ตนจึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยโดยการนำของนายกฯ อุ๊งอิ๊งจะแก้ไขปัญหาประเทศได้ โดยตั้งเป้าว่าปี 2568 ทุกฝ่ายจะทำงานให้หนักและเศรษฐกิจดีขึ้น และปี 2569 เปรียบเหมือนเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ต่อไป จากนั้นขอเวลาอีก 2 ปีหนี้ประเทศจะลดลง
ส่วนเรื่องพลังงานไฟฟ้าว่าในปี 2568 นี้จะต้องเอาตัวเลขการใช้ไฟให้เหลือเลข 3 ดูแล้วน่าจะให้ถึง 3.70
ขณะเดียวกัน นายทักษิณ ยังได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้เสียแชมป์นายกรัฐมนตรีที่รวยที่สุดของไทย ให้กับลูกสาวแล้ว ไม่เป็นไร อย่างมากก็ให้ลูกเลี้ยง
ส่วนกระแสข่าวนายพีระพันธุ์ อาจจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีนั้น นายทักษิณ ระบุว่า รู้จักพีระพันธุ์มานาน เป็นคนตั้งใจ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด ส่วนยังอยู่ยาวหรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า ยังไม่มีเหตุปัจจัย
อ่านข่าว :
นิด้าโพล เผย ประชาชน 50.61% ชี้การเมืองวุ่นวายเหมือนเดิม “แพทองธาร”อยู่ยาว
เปิดกำหนดการ “ทักษิณ” ลุยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. เริ่มเชียงราย 5 ม.ค.