‘ประยุทธ์’ ลงพื้นที่ชลบุรีเยี่ยมชมคูโบต้าฟาร์ม ชื่นชม Smart Farmer ยกระดับการผลิตภาคการเกษตรของไทย ‘ย้ำ’ความร่วมมือรัฐ-เอกชน-ประชาชน ขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรแบบครบวงจร ‘ยัน’รัฐบาลมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร-ภาคเกษตรกรรมไทย
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 9 พ.ค. ที่คูโบต้าฟาร์ม ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พบปะเกษตรกรพร้อมรับฟังแนวทางความสำเร็จของสมาร์ท ฟาร์มมิ่ง พร้อมเยี่ยมชมนวัตกรรมทางการเกษตรสมัยใหม่ ที่มีการนำมาปรับใช้จนสามารถลดต้นทุนได้ถึง 20 % ช่วยเพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้ตลอดทั้งปีเพิ่มกว่า 50 %
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรแบบครบวงจร การส่งเสริมเครื่องจักรกลการเกษตร การยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและภาคเกษตรกรรมภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอพียง ว่า เป็นโอกาสดีที่ได้มาตรวจเยี่ยมคูโบต้าฟาร์ม ซึ่งเป็นต้นแบบของเกษตรทันสมัย หรือ Smart Farming และเป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและภาคเกษตรกรรมของไทยให้อยู่ในระดับแนวหน้า ซึ่งวันนี้มีกลุ่มเกษตรกรที่สนใจในนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ มาร่วมเยี่ยมชมคูโบต้าฟาร์มด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาพบกับกลุ่มเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการทำ Smart Farming ทั้ง 3 กลุ่มซึ่งความสำเร็จของกลุ่มเป็นตัวอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้กับพี่น้องเกษตรกรไทยทั่วประเทศที่คาดหวังจะประสบความสำเร็จในอนาคต พร้อมแสดงความชื่นชมความร่วมมือการดำเนินการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ และชุมชนต้นแบบ Smart Farming ที่ประสบความสําเร็จ ผ่านการดำเนินการของวิสาหกิจชุมชนที่สอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าภาคการเกษตรคืออนาคตของประเทศไทยที่มีการทำการเกษตรมายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ปัญหาขณะนี้คือเกษตรกรออกจากภาคการเกษตรไปทำอาชีพอื่นเป็นจำนวนมาก ในขณะที่รายได้ภาคเกษตรก็ลดลงเช่นกัน ดังนั้นต้องช่วยกันหาแนวทางเพื่อทำให้สิ่งที่เป็นอยู่ดั้งเดิมมีมูลค่าสูงขึ้นให้ได้ ประชาชนมีรายได้ที่เหมาะสม และหลุดพ้นจากความยากจน สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้คนไทยอยู่รอด ปลอดภัย พอเพียง และยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำเกษตรที่จะต้องมีการพัฒนาปรับให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและสอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยงแปลง และสอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลได้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ทั้งการหาแหล่งน้ำบนดิน และใต้ดิน (น้ำบาดาล) ให้เพียงพอต่อการทำเกษตรและการอุปโภคบริโภคของประชาชน โดยขณะนี้มีโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 15 โครงการในพื้นที่ 11 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจะมีการดำเนินการต่อเนื่องต่อไป พร้อมกันนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับนโยบายขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรแบบครบวงจร การบริหารจัดการเกษตรแปลงใหญ่ และการส่งเสริมเครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรเท่านั้น แต่ยังช่วยลดปัญหาการเผาพืชผลทางเกษตร เช่น ข้าวโพด อ้อย ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาหมอกควัน PM2.5 ด้วย
“ที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับการผลิตของเกษตรกรไทยมาโดยตลอด อีกทั้งยังได้มีการประกาศและขับเคลื่อนนโยบายการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ การยกระดับเกษตรแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่ การใช้เทคโนโลยีและข้อมูลดิจิทัล การบริหารจัดการแหล่งน้ำและชลประทานเพื่อการเกษตร การจัดการพื้นที่เกษตรเชิงรุกด้วย Agri-map การบริหารจัดการเกษตรแปลงใหญ่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อขจัดความยากจนและสร้างความมั่นคงในอาชีพและรายได้ให้แก่พี่น้องเกษตรกรอย่างยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจและปรารถนาให้เกษตรกรไทยมีโอกาสเข้าถึงการทำเกษตรสมัยใหม่ในวงกว้าง ในวันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาศึกษาเยี่ยมชมคูโบต้าฟาร์ม และได้หารือกันเพื่อส่งเสริม Smart Farming โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลการกษตรให้ประสบผลเป็นรูปธรรม ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากมีการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกซน สถาบันการศึกษา และที่สำคัญคือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มพี่น้องเกษตรกรที่เข้มแข็ง ก็จะสามารถขยายผลเกษตรสมัยใหม่ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการขับเคลื่อนเรื่องเครื่องจักรกลการเกษตร ที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้กับพี่น้องกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ ซึ่งบางพื้นที่ประสบปัญหาการดูแลบำรุงรักษาเครื่องจักรกล เกษตรกรขาดความรู้ความเชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุงงรักษา และการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรก็ใช้งบประมาณค่อนข้างสูง ดังนั้น ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันพิจารณาแนวทางความเป็นไปได้ในการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในวงกว้างต่อไป เช่น การสร้าง Start up กลุ่มเกษตรอัจฉริยะ โดยสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยพิเศษหรือเงินอุดหนุนแก่ Young Smart Farmer เพื่อนำไปบริหารจัดการหรือให้บริการเครื่องจักรกลการเกษตรในพื้นที่ การสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าถึงเครื่องจักรกลโดยการรวมกลุ่มใช้/การจับคู่ (matching) เป็นต้น
จากนั้น นายกรัฐมนตรีร่วมปลูกต้นรวงผึ้งที่บริเวณหน้าอาคารเกษตรวิวัฒน์ ก่อนนั่งรถรางเยี่ยมชมรอบคูโบตา ฟาร์ม ชมนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้าฟาร์ม รวม 3 โซน ได้แก่ โซนเกษตรแม่นยำข้าวและพืชหลังนา โซนเกษตรทฤษฎีใหม่และโคกหนองนาโมเดล และโซนเกษตรสมัยใหม่พืชไร่ ซึ่งระหว่างการเยี่ยมชมพร้อมรับฟังบรรยายสรุปการเกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้าฟาร์ม นายกฯ ได้สอบถามถึงการดำเนินการในแต่ละโซนด้วยความสนใจ พร้อมย้ำว่าการทำเกษตรปัจจุบันต้องมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยดำเนินการในด้านการผลิตเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพด้านการเกษตรให้มากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในด้านการเกษตรด้วย ทั้งนี้การรวมกลุ่มทำเกษตรแปลงใหญ่เป็นอีกแนวทางสำคัญในการเพิ่มผลผลิตด้านการเกษตรได้ พร้อมกับแนะนำให้ประสานกรมการข้าวในการจัดหาข้าวพันธุ์ใหม่ที่มีการพัฒนาแล้ว มาเพาะปลูกให้มากขึ้น
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี รับชมการสาธิตการเพาะกล้าและดำนา หลังจานั้นได้ทดลองขับรถหยอดกล้าผัก ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อประหยัดเวลา ในระบบ Smart Farmer เกษตรแปลงใหญ่ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องปลูกพืชผสมผสานอย่าปลูกพืชเชิงเดี่ยว จะได้มีกินมี รายได้ทั้งปี
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีชื่นชมการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อทำการเกษตรสมัยใหม่ ที่นับเป็นการดำเนินการที่ยอดเยี่ยม และถือเป็นชุมชนแหล่งเรียนรู้ตัวอย่าง เพื่อนำไปขยายผลต่อยอดการดำเนินการในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อพัฒนาคุณภาพด้านการเกษตรของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการเพิ่มปริมาณผลผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์การเกษตร ตลอดจนการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและประชาชนอย่างยั่งยืน และนายกรัฐมนตรียังได้ขอบคุณคูโบต้าฟาร์ม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมย้ำถึงการดำเนินการเกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้าฟาร์มคือการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเกษตรไทยในระยะต่อไป ในการเป็นเกษตรพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นการดำเนินการตามโครงการตามแนวพระราชดำริ โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการดำเนินการให้มีการขยายไปสู่พื้นที่อื่นๆ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเดินทางกลับพล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยได้ทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ก่อนตบมาที่หน้าอกข้างซ้ายตรงหัวใจตัวเอง ก่อนเดินทางกลับทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ เนื่องจากมีภารกิจบันทึกเทปอาเศียรวาท และกล่าวถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5
สำหรับการเดินทางลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ได้ขึ้น เฮลิคอปเตอร์ หมายเลข 7335 จาก พล.ม.2 รอ. มายังคูโบต้าฟาร์ม และต่อด้วยรถตู้โตโยต้าสีขาว เลขทะเบียน ธฉ 999 กรุงเทพมหานคร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่