วันนี้ (3 พ.ค.2566) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย กล่าวปราศรัยพาดพิงพรรคภูมิใจไทยว่าปล่อยให้มีกัญชาเสรีและมอมเมาเยาวชน ว่า การปราศรัยดังกล่าวเป็นการใส่ร้ายและเป็นความเท็จ พร้อมยืนยันว่าการปลดล็อกกัญชา เป็นการลงมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของรัฐสภา ซึ่งมีทั้ง ส.ส.และ ส.ว. และการลงมติเห็นชอบปลดล็อกกัญชาดังกล่าว สมาชิกพรรคเพื่อไทยก็ลงมติเห็นชอบด้วย
นายศุภชัย ย้ำว่า การออกประกาศของ รมว.สาธารณสุข เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ไม่ได้ทำตามอำเภอใจ หรือปล่อยปละละเลย เมื่อมีการปลดล็อกกัญชาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2564 พรรคเพื่อไทยก็ไม่เคยคัดค้าน ขณะเดียวกันร่างกฎหมายกัญชากัญชงยังไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเชื่อว่าเป็นการดึงเกมให้การพิจารณาร่างกฎหมายไม่แล้วเสร็จ
ดังนั้น การที่นายเศรษฐาออกมาปราศรัย จึงเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จและทำให้ประชาชนเข้าใจผิด อาจส่งผลต่อคะแนนนิยมของผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยสถานะของนายเศรษฐา เป็นที่ปรึกษาของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ไม่ได้มีผลทางกฎหมาย แต่เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารของพรรคฯ ที่ต้องควบคุมและกำกับดูแล ไม่ให้สมาชิกกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญต่อทั้งระเบียบประกาศและคำสั่ง
ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ปราศรัยว่า หากเลือกพรรคภูมิใจไทยจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ถือเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ เพราะพรรคภูมิใจไทยประกาศมาโดยตลอดว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีสมาชิกพรรคได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าวและได้ไปดำเนินการทางคดีแล้ว เช่น นายศุภชัย โพธิ์สุ ร้องต่อ กกต.จังหวัด ต่อกรณีที่นายเศรษฐา ปราศรัยว่าหากเลือกนายศุภชัยและพรรคภูมิใจไทย จะนำเสรีกัญชามามอมเมาเยาวชนชาวนครพนม นอกจากนี้ยังมีกรณีของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแถลงโจมตีพรรคและสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ยืนยันพรรคจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องจากการถูกใส่ร้าย
นายเศรษฐา ต้องพร้อมรับผลในสิ่งที่ตนเองพูด แสดงให้เห็นถึงความไม่มีวุฒิภาวะ ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่ยอมในเรื่องนี้แน่นอน
ทั้งนี้ ตามมาตรา 101 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง บัญญัติว่า ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ โดยรู้ว่าเป็นความเท็จ มีโทษต้องระวาง จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
หากผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นพรรคการเมือง ซึ่งรวมถึงกรรมการบริหารพรรค ต้องระวางโทษเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนดไว้ และให้คณะกรรมการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคการเมือง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายเศรษฐาตั้งกำแพง ไม่เอา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และไม่เอาพรรคกัญชา ถ้าหลังเลือกตั้งไม่เป็นไปตามนี้ นายเศรษฐาต้องรับผิดชอบหรือไม่
นายศุภชัย กล่าวว่า นายเศรษฐาไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ เป็นเพียงตัวแสดงคนหนึ่ง หากมาช็อปปิงตำแหน่งนายกฯ ไม่ได้ ก็กลับไปขายบ้านจัดสรรเหมือนเดิม
เขาคงประเมินอยู่ มีโอกาสพูดบนเวที แต่ในเชิงการเมืองต้องไปเรียนรู้ นายเศรษฐาอาจมีความสามารถในเรื่องการบริหารธุรกิจ แต่ในเชิงการเมืองต้องเรียนรู้มากกว่านี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สอนมวย “มือใหม่การเมือง” จาก “หนู ถึง พี่นิด”
เลือกตั้ง2566 : “อนุทิน” เหน็บ “เศรษฐา” ไร้ประสบการณ์เวทีการเมือง
เลือกตั้ง2566 : “นพดล” ป้อง “เศรษฐา” ชี้ปราศรัยไม่ผิด กม. – วิเคราะห์การเมืองเท่านั้น