หน้าแรก Thai PBS เลือกตั้ง2566 : “ประวิตร” มั่นใจนโยบายทำได้จริง หลังเลือกตั้งพร้อมจับทุกขั้ว แต่ถ้าได้ 300 ก็ไม่ง้อใคร

เลือกตั้ง2566 : “ประวิตร” มั่นใจนโยบายทำได้จริง หลังเลือกตั้งพร้อมจับทุกขั้ว แต่ถ้าได้ 300 ก็ไม่ง้อใคร

100
0
เลือกตั้ง2566-:-“ประวิตร”-มั่นใจนโยบายทำได้จริง-หลังเลือกตั้งพร้อมจับทุกขั้ว-แต่ถ้าได้-300-ก็ไม่ง้อใคร

วันนี้ (4 พ.ค.2566) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจของพรรค ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ นายอุตตม สาวนายน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นายคณิศ แสงสุพรรณ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี

แถลงข่าว “สรุปนโยบาย โค้งสุดท้าย สู่การเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลพลังประชารัฐ” โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 14 พ.ค.

นำก้าวข้ามความขัดแย้ง

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขอแถลงนโยบายที่มั่นใจว่า พรรคพลังประชารัฐจะจัดตั้งรัฐบาลและทำตามนโยบายที่หาเสียง

1.ก้าวข้ามความขัดแย้ง อยากให้คนไทยมีความสามัคคี รัฐบาลบริหารประเทศได้ การค้าขายก็เติบโตได้ หากไม่มีการชุมนุมออกมาเดินขบวน มีปัญหาอะไร จะแก้ไขรัฐธรรมนูญจะแก้อะไรก็ว่ากันในสภาฯ ถึงเวลายุติความขัดแย้ง

2.ก้าวข้ามความยากจน เมื่อก้าวข้ามความขัดแย้งได้ มี 2 เรื่องดำเนินการ คือ เรื่องน้ำและที่ดินจะดูแลเกษตรกรให้เข้มแข็ง

3.ลดความเหลื่อมล้ำ 4.สร้างระบบสวัสดิการที่เข้มแข็ง 5.พลิกฟื้นเศรษฐกิจ 6.สร้างความเป็นธรรมทางสังคม และ 7.พลิกโฉมบริการจัดการภาครัฐ

อย่างไรก็ตามทุกนโยบายที่ประกาศไป ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะทำทันที อีกนโยบายที่สำคัญคือการปราบปรามยาเสพติดที่ต้องป้องกัน และฟื้นฟู จัดหางบก้อนหนึ่งดำเนินการเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ

กระตุ้นเศรษฐกิจ-หนุนกองทุนหมู่บ้าน

ด้าน นายอุตตม กล่าวเรื่อง 3 ภารกิจหลักกระตุ้นเศรษฐกิจให้พลิกฟื้นทันที เร่งการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีพลัง เต็มศักยภาพ เร่งรัดวางพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน พลิกโฉมประเทศไทย โดยจะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส เพื่ออนาคตที่ดีของคนไทย

นายสนธิรัตน์ กล่างถึงโครงสร้างกองทุนหมู่บ้าน ให้ประชาชน 13 ล้านคน กับ 80,000 กองทุนจะผลักดันกองทุนละ 2 แสนบาท ภายใต้งบประมาณ 16,000 ล้านบาท ผลักดันให้เศรษฐกิจเข้มแข็ง ลดค่าใช้จ่าย ดันนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง ลดราคา 50 % เติมทุนเกษตรกรครัวเรือนละ 30,000 บาท

ลดราคาน้ำมัน-ค่าไฟ-ค่าแก๊ส

นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงนโยบายพลังงานในเรื่องของราคาน้ำมันเบนซินจะลดลง 18.07 บาท และน้ำมันดีเซลจะลด 6.37 บาท แก๊สลดราคาลงเหลือ 173 บาทต่อถัง ลดค่าไฟฟ้า ไฟบ้านเหลือหน่วยละ 2.50 บาทและอุตสาหกรรมหน่วยละ 2.70บาท นอกจากนี้ยังมีนโยบายเบี้ยประชาชนโดยผู้สูงอายุ 60 ปีจะได้เงิน 3,000 บาท 70 ปีจะได้เงิน 4,000 บาท 80 ปีจะได้เงิน 5,000 บาท ยกเว้นข้าราชการบำนาญจะไม่ได้รับ

นายสันติ กล่าวถึงนโยบายอีสานประชารัฐ ว่า ตั้งใจจะพัฒนาภาคอีสาน เพราะมีประชาชนมากที่สุด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตจึงทำโครงการรถไฟรางคู่ ตั้งแต่ จ.บึงกาฬ ถึง จ.ชลบุรี และจ.ระยอง ซึ่งตลอดทางจะมีนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง สร้างงานสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่กว่า 3 ล้านคน

พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์หลังแถลงข่าวว่า มั่นใจว่าทำได้ถ้าเราได้เป็นรัฐบาล ส่วนความนิยมของพรรคที่เพิ่มขึ้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ดีใจ ถ้าผู้สื่อข่าวสนับสนุน พรรคพลังประชารัฐก็ดีขึ้น

ถ้าปชช.เลือกก็พร้อมเป็นนายกฯ

เมื่อถามว่า อีก 9 วัน จะถึงวันเลือกตั้ง มีความพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าประชาชนเลือกตนก็พร้อม เมื่อถามว่า ได้ดูกระแสตอบรับของพรรคในโซเชียลมีเดียบ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้ดูเลย

เมื่อถามว่า โค้งสุดท้ายจะมีอะไรมาตีตื้นคะแนนเป็นหมัดเด็ดหมัดน็อกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สื่อนั่นแหละ สื่อจะเลือกหรือเปล่า ถ้าคุณเลือกก็ได้

ส่วนที่หลายพรรคจะไม่จับขั้วด้วยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ถ้าได้คะแนนเสียง 300 ก็ไม่ต้องจับกับใคร ปล่อยให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ถ้าเขาอยากพูดก็พูดกันไป

ไม่เชื่อโพล โพลก็คือโพล

ส่วนผลโพลที่ออกมาขณะนี้เชื่อได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โพลใครก็ทำได้ ก็เป็นความคิดของคน ได้ไปถามทุกบ้านหรือเปล่า ถามทุกคนหรือไม่ แล้วทุกคนตอบหรือเปล่า โพลก็คือโพล

เมื่อถามต่อว่า จากการลงพื้นที่และได้สัมผัสประชาชนโดยตรง รวมถึงกระแสพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ คิดว่าจะทำให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ ก็แล้วแต่ประชาชน จะไปคิดข้างหน้าได้อย่างไร สื่อคิดก็ตอบเอาเองก็แล้วกัน

เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่เชื่อมั่นในประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่มีความเชื่อมั่น เพราะตนลงพื้นที่มาทั้งปีไม่เห็นมีใครมาด่า

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ต้องดูตัวเลขหลังวันที่ 14 พ.ค.นี้ก่อน แต่พร้อมทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมือง ถ้าตัวเลขน้อยตนก็อยู่คนเดียว ถ้าตัวเลขมากก็อยู่คนเดียว เดี๋ยวก็ไปดูว่าจะจับมือกับใคร ก็ต้องดูแต่ละพรรค

ส่วนจะร่วมกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น ก็ต้องดูตัวเลขเช่นเดียวกัน อีกทั้งต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคนั้นด้วย หากไม่ถูกกันก็ขัดกันเปล่าๆ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกตั้ง2566 : “ก้าวไกล” ตั้งเป้ากวาด 160 ที่นั่ง นำจัดตั้งรัฐบาล ดัน “พิธา” เป็นนายกฯ

เลือกตั้ง2566 : “ประชาธิปัตย์” เล็งตั้ง “ธนาคารสหกรณ์-ปลดล็อก กม.” แก้หนี้ประชาชน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่