หน้าแรก Voice TV แก้ กม. ยึดทรัพย์ จูงใจนำจับ ดูแลผู้เสพ'เพื่อไทย' เดินหน้าแก้ยาบ้า-คืนอนาคตลูกหลาน

แก้ กม. ยึดทรัพย์ จูงใจนำจับ ดูแลผู้เสพ'เพื่อไทย' เดินหน้าแก้ยาบ้า-คืนอนาคตลูกหลาน

84
0
แก้-กม.-ยึดทรัพย์-จูงใจนำจับ-ดูแลผู้เสพ'เพื่อไทย'-เดินหน้าแก้ยาบ้า-คืนอนาคตลูกหลาน

‘ลิณธิภรณ์’ ยัน ‘เพื่อไทย’ เดินหน้าแก้ยาเสพติด เน้นอุดช่องว่างกฎหมาย ยึดทรัพย์ จูงใจนำจับ เน้นดูแลผู้เสพ ทำให้ กม.สมบูรณ์ คืนอนาคตลูกหลานไทย

วันที่ 10 มิ.ย. 2566 ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการและรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากรายงาน World Drug Report 2022 ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) พบว่า 10 ปีที่ผ่านมา ผู้ใช้ยาเสพติดมีแนวโน้มอายุน้อยลง เด็กและเยาวชนใช้ยาเสพติดมากกว่าผู้ใหญ่ และใช้ในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่กำลังรุนแรงทั่วโลก เช่นเดียวกับในประเทศไทย ปี 2564 การจับกุมทั้งยาบ้าและไอซ์ ยังมากที่สุดในภูมิภาคเเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านขนยาเสพติดไปประเทศปลายทางยังเป็นสถานการณ์รุนแรงอยู่ 

ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์.jpg

พรรคเพื่อไทยพร้อมเดินหน้าเต็มที่ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ยังคงรุนแรง ซึ่งเป็นปัญหาที่ประชาชนเฝ้ารอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขเป็นอันดับ 2 รองจากปัญหาค่าครองชีพ ‘เพื่อไทยมา ยาเสพติดต้องหมดไป’ ด้วย 4 วิธีการดังนี้ 

1.ปราบปรามผู้ผลิตและผู้ขาย อย่างเต็มรูปแบบรวมไปถึงการ “ยึดทรัพย์” ของผู้ผลิตและผู้ขาย  ไปโฟกัสที่ผู้ค้ารายใหญ่ ทำลายอุปสรรคทางกฎหมาย โดยพรรคเพื่อไทยได้เตรียมเสนอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายยาเสพติดให้ครอบคลุม เพื่อให้การยึดทรัพย์ของผู้ขายยาเสพติดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ป้องกันการโอนย้ายทรัพย์สินและฟอกเงินในทุกกโดยการนำเอา พ.ร.บ. ปปง.จาก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (หรือกฎหมายฟอกเงิน) มาใช้ควบคู่กับกฎหมายยาเสพติด เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ภาครัฐ

2.หลักการผู้เสพ คือ ผู้ป่วย ยังคงเป็นหลักการสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพิ่มสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติด นำผู้เสพมาบำบัดอย่างจริงจัง สถานบำบัดจะต้องเพียงพอ เมื่อผ่านกระบวนการบำบัดฟื้นฟูแล้ว รัฐบาลก็ควรต้องจัดหางาน ทำให้ผู้ป่วยกลายเป็นผู้สร้างโอกาส สร้างรายได้แก่ครอบครัวอย่างมั่นคง 

3. เพิ่มมาตรการใช้เครือข่ายภาคประชาชนในการรายงานการระบาดของยาเสพติดในชุมชน เพราะมีความเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ประชาสัมพันธ์ จูงใจด้วยเงินนำจับตามกฎหมาย 5% โดยมีมาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส

4. เปิดการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน เพื่อเข้าจัดการทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดอย่างถาวร และเข้มงวดกวดขันการลักลอบขนยาตามแนวพรมแดนในทุกช่องทาง 

ทั้งนี้ กรณีล่าสุดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จับกุมเรือขนไอซ์ 900 กิโลกรัม ได้กลางทะเลอ่าวไทย ที่ อ.เสม็ด จ.ระยอง ปลายทางส่งที่ประเทศออสเตรเลีย ในขณะที่ในปีงบประมาณ 2566 จนถึงปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังจับกุมยึดไอซ์ได้ 16,000 กิโลกรัม ซึ่งปริมาณมากกว่าปีที่แล้วทั้งปี และปลายทางคือออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่า แม้รัฐบาลปัจจุบันจะใช้วิธีการปราบปราม จับกุมและยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิด ยังไม่เพียงพอต่อสถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน 

“ พรรคเพื่อไทยพร้อมเดินหน้าเต็มที่ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ยังคงระบาดรุนแรง และในฐานะคณะทำงานด้านการแก้ปัญหายาเสพติด ภายใต้คณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค เราจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การหารือร่วมกัน เพื่อให้การแก้ปัญหายาเสพติดเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม คืนความปลอดภัยให้สังคมและคืนอนาคตให้ลูกหลานไทย” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่