วันนี้ (29 มิ.ย.2566) นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุถึงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวน ในการไต่สวน กรณีการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 151 เบื้องต้นยังไม่ได้รายงานว่าจะเชิญนายพิธา มาแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ แต่เชื่อว่ากระบวนการสืบสวนจะแล้วเสร็จโดยเร็ว
เลขาธิการ กกต. ย้ำว่า กกต.ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนได้ ทั้งกรณีการตั้งเรื่องหรือการรวบรวมพยานหลักฐานจนกว่าจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จถึงจะมีการรายงานมาให้ กกต.ได้รับทราบ พร้อมย้ำอยู่ระหว่างการพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 82 หรือไม่ด้วย
เลขาธิการ กกต. ระบุถึงขั้นตอนการสืบสวนทาง กกต. สามารถขอรับทราบความคืบหน้ากระบวนการสืบสวนได้ และเชื่อว่าคณะกรรมการสืบสวนจะเร่งดำเนินการ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยกรอกดำเนินการ 20 วัน แรกจะสิ้นสุดในวันที่ 3 ก.ค.นี้ หากดำเนินการไม่ทันอาจจะมีการทำเรื่องขอขยายเวลา
ส่วนกรณีการยื่นร้องต่ออัยการสูงสุดและศาลรัฐธรรมนูญขอให้พรรคก้าวไกลเลิกแก้ไขมาตรา 112 ที่ กกต.ยกคำร้องไปแล้วนั้น โดยทาง กกต.จะพิจารณาว่า การกระทำดังกล่าวมีอำนาจให้ดำเนินการหรือไม่ ทั้งนี้หากผู้เห็นว่าการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายขัดต่อเรื่องสิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด อ้างถึงการล้มล้าง การปกครองต้องไปร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 49
ยังไม่ชง เอาผิด “พิธา” ม.82 ให้ กกต.พิจารณา
เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.เข้าพบ กกต.เมื่อวานนี้ว่าไม่ได้มาติดตามความคืบหน้าในคดีนายพิธา ในเรื่องการถือหุ้นไอทีวีเพียงนำหลักฐานมามอบให้ กกต.เพิ่มเติม ซึ่งตามกระบวนการก็จะนำหลักฐานดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาสำนวนในคดีทั้ง การดำเนินการตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 โดย ขณะนี้ สำนักงาน กกต. ยังไม่ได้เสนอความเห็นเรื่องการดำเนินการตามมาตรา 82 ไปที่ประชุม กกต.
โดย ชี้แจงว่า ส.ว.มาเพียงการติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาว่ามีอุปสรรคปัญหาอะไรบ้าง