วันนี้ (1 ก.ค.2566) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเจรจาคณะเจรจาพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 2 ก.ค. ว่า จะได้ข้อยุติที่ดี
ขณะเดียวกันก็ต้องความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยที่จะตัดสินใจอย่างเป็นทางการ และยังคงเชื่อใจพรรคเพื่อไทยแม้จะมีการประชุม กรรมการบริหารและ ส.ส. ในวันที่ 3 ก.ค. มองว่าไม่ได้เป็นการลากเกม และจนถึงจุดนี้พรรคก้าวไกล ได้เสนอแคนดิเดตประธานสภาฯไปแล้ว และยืนยันในหลักการ
ทั้งนี้ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการแสดงความเห็นที่หลากหลายต่อตำแหน่งประธานสภาฯ โดยเฉพาะมาจากคำว่า “แหล่งข่าว” โดยที่ไม่มีชื่อบุคคลอ้างอิง อาจทำให้ประชาชนสับสน และย้ำว่าจนถึงตอนนี้ต้องรอคำตอบจากพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการเชื่อ “เพื่อไทย” ยอมถอยตำแหน่งปธ.สภาฯให้ “ก้าวไกล”
นายพิธายังกล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การลงคะแนนลับจะเกิดความพลิกผันทางการเมือง ว่ายังไม่ถึงวันโหวต รอให้ถึงวันนั้นก่อนน่าจะได้เห็นภาพ และเชื่อว่าความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรคยังมีอยู่ และจะต้องมีการคุยกันในพรรคและระหว่างพรรคที่อาจจะต้องใช้เวลา แต่ไม่ได้มองคิดไปถึงผลการโหวต ว่าอาจไม่ใช่บุคคลที่มีการตกลงกัน แต่ตอนนี้พยายามใช้สมาธิ ใช้เวลา ให้ผลเป็นอย่างที่คาดหวังไว้
หัวหน้าพรรคก้าวไกลยังปฏิเสธแสดงความเห็นกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯประกาศลดบทบาททางการเมือง เนื่องจากยังไม่เห็นในรายละเอียดของข่าว แต่หยิบยกว่า พรรคร่ยมจัดตั้งรัฐบาลมีคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ซึ่งจะมีแผนเรื่องกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะมาพูดคุยกับผู้ประกอบการในวันนี้หลังตัวเลขการท่องเที่ยวหายไป 40 %
“เศรษฐา” ชี้เป็นสิทธิพรรคก้าวไกลเปิดตัว “ปดิพัทธ์” ปธ.สภาฯ
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดต นายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย กล่าวกรณีที่นายพิธา เดินทางขอบคุณชาวพิษณุโลก พร้อมเปิดตัวนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เป็นแคนดิเดตประธานสภาว่า เป็นสิทธิของนายพิธาและพรรคก้าวไกลที่จะเสนอใครก็ได้ ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่านายพิธาเดินทางไป จ.พิษณุโลก พอดี
ส่วนเหมาะสมหรือไม่ ที่มีการเปิดตัวขณะที่ยังพูดคุยกันระหว่าง 2 พรรคยังไม่ชัดเจนนั้น ก็ถือเป็นสิทธิของพรรคก้าวไกลที่จะให้สาธารณชนรับรู้ว่าจะให้นายปดิพัทธ์เป็นประธานสภา แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยไม่มีสิทธิที่คิดจะเปิดตัวแคนดิเดตประธานสภาฯในลักษณะแบบเดียวกัน เพราะคิดว่า เป็นการตกลงกันภายในเงียบ ๆ น่าจะดีกว่า
นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงพรรคเพื่อไทยเปิดตัวแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานสภาฯกลับโดนตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ในระหว่างที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ว่าไม่รู้ว่าทัวร์ลงคืออะไร แล้วแต่จะคิด เราควรเน้นที่จุดมุ่งหมายมากกว่า เพราะอีกไม่นานตำแหน่งประธานสภาฯ ก็จะชัดเจนแล้ว และเดินหน้าต่อไปในการโหวตเลือกนายกฯ
เมื่อถามย้ำว่า ทั้ง 2 พรรคการเมืองควรหยุดออกมาให้สัมภาษณ์เพื่อลดความขัดแย้งและไม่ให้บานปลายหรือไม่นั้น นายเศรษฐา ระบุว่า เราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย ก็มีสิทธิเสรีภาพในการพูด แต่เชื่อว่าหลายคนจะทราบว่า เวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด
ส่วนในวันโหวตนายกฯ หากนายพิธาไม่สามารถได้เป็นนายกฯ ตั้งแต่การโหวตในครั้งแรก จะมีทางออกอย่างไรนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า คงมีสิทธิเสนอได้อีกแต่ส่วนตัวไม่แน่ใจนัก และไม่ทราบกระบวนการทางรัฐสภาว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ค.หรือไม่ ซึ่งอยากขอให้เป็นไปทีละขั้นและเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่าย เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตยได้ โดยเร็ว เนื่องจากมีเรื่องงบประมาณปี 67 ที่ต้องคำนึงถึงด้วย
นายเศรษฐา ยังระบุถึงกระแสข่าวจากพลังประชารัฐบอกว่านายกฯคนที่ 30 คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้นว่า เหมาะสมหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิของเขา เพราะแต่ละพรรคก็มีแคนดิเดตนายกฯ แต่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยอยู่ฝั่งประชาธิปไตย
ดังนั้นจะเรียกพรรคพลังประชารัฐว่า อะไรก็เรียกไป การออกมาพูดแบบนี้ก็ต้องมาดูที่คะแนนเสียงด้วย คงเป็นเรื่องของการเมือง และตอนนี้ขอโฟกัสที่เรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่นั้นที่ พล.อ.ประวิตร จะเป็นนายกฯคนที่ 30 นายเศรษฐา กล่าวว่า ลองนับเลขดู เพราะเลขไม่ได้เป็นหลักล้าน ใช้แค่มือนับก็ได้แล้ว
นายเศรษฐายังทิ้งท้ายกรณีกระแสข่าวสูตรในการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐว่า “เลอะเทอะ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง “ชัยธวัช” มั่นใจปม “ประธานสภาฯ” จบก่อน 2 ก.ค. ยัน 8 พรรค ยังผนึกกันแน่น