ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกสำนักประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวเมื่อวันจันทร์ (10 ก.ค.) ว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้จัดการประชุมที่ยาวนานกับ เยฟเกนี ปริโกซิน หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ของเขา ในเวลาเพียง 5 วันหลังจากกลุ่มวากเนอร์ก่อการกบฏในช่วงเวลาสั้นๆ
การพบกันในวันที่ 29 มิ.ย. นับเป็นการติดต่อระหว่างครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีรัสเซีย และหัวหน้ากลุ่มวากเนอร์ นับตั้งแต่การก่อจลาจลช่วงสั้นๆ ของกลุ่มทหารรับจ้างที่มีบทบาทสำคัญในการทำสงครามในยูเครนเพื่อรัสเซีย ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายอย่างมากต่ออำนาจของปูติน ที่ปกครองรัสเซียมานานมากว่า 2 ทศวรรษ
เปสคอฟระบุว่า ปูตินเชิญบุคคล 35 คนเข้าร่วมการประชุมที่กินเวลานาน 3 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงการเชิญผู้บัญชาการระดับสูงของวากเนอร์ และปริโกซินซึ่งหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. หลังจากช่วงเวลาไม่กี่วันก่อนหน้านั้น ที่ทหารรับจ้างวากเนอร์เข้ายึดเมืองทางตอนใต้ของรัสเซีย และสำนักงานใหญ่ทางทหารที่สำคัญของรัสเซียในการทำสงครามการรุกรานยูเครน และเริ่มยกทัพในช่วงเวลาสั้นๆ มุ่งหน้าสู่กรุงมอสโก เพื่อหาทางถอดถอนผู้นำของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ก่อนที่แผนกบฏดังกล่าวจะยุติลงอย่างรวดเร็ว
นับจากนั้นเป็นต้นมา สถานะของปริโกชินและกลุ่มนักรบในวากเนอร์กลับเต็มไปด้วยความลึกลับ แม้จะมีการประกาศข้อตกลงที่ปริโกชินจะยุติการก่อกบฏ พร้อมกันกับการเดินทางไปยังเบลารุส ภายใต้การเจรจาที่มี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุสเป็นตัวกลางในการเจรจา แลกกันกับการที่ทางการรัสเซียจะไม่ดำเนินคดีอาญาฐานกบฏกับปริโกชิน ในขณะที่มีสื่อรัสเซียรายงานว่าปริโกชินยังคงอยู่ในรัสเซีย แม้เขาจะไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดการกบฏ
อย่างไรก็ดี เปสคอฟระบุว่า เขา “ไม่ทราบ” ถึงรายละเอียดในการประชุมระหว่างปูตินกับปริโกชิน ซึ่งทำให้เกิดการตั้งคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับอนาคตของกลุ่มวากเนอร์
“สิ่งเดียวที่เราสามารถพูดได้ก็คือ ท่านประธานาธิบดีได้ประเมินการกระทำของบริษัท (วากเนอร์) ของเขา (ปริโกชิน)” ในระหว่างสงครามในยูเครนและการก่อกบฏ เปสคอฟกล่าว “ท่านปูตินได้รับฟังผู้บัญชาการและได้เสนอตัวเลือกการจ้างงานเพิ่มเติมและตัวเลือกการรบเพิ่มเติม”
เปสคอฟกล่าวเสริมว่า ผู้บัญชาการทหารของกลุ่มวากเนอร์ให้คำมั่นว่า จะจงรักภักดีต่อประธานาธิบดีรัสเซีย โดยก่อนหน้านี้ ปริโกชินยืนยันว่าการก่อกบฏในช่วงสั้นๆ เป็นการยืนหยัดต่อต้านผู้นำทางทหารของรัสเซีย ไม่ใช่ปูตินหรือรัฐบาลของประธานาธิบดีรัสเซีย และการยุติการก่อกบฏเป็นไปเพื่อการป้องกันไม่ให้เกิด “การนองเลือด” ในรัสเซียเอง
“พวกเขาย้ำว่าพวกเขาเป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันและเป็นทหารของประมุขแห่งรัฐและผู้บัญชาการทหารสูงสุด และยังกล่าวว่าพวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อประเทศในอนาคต” เปสคอฟกล่าว
ที่มา: