วันนี้ (15 ก.ค.2566) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวงหารือของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา มีข้อสรุปร่วมกันว่าจะมีการขับเคลื่อนเรื่องของการเสนอให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 2 และการแก้ไขเรื่องมาตรา 272 แต่ในเรื่องแก้ไขกฎหมายยังมีความเห็นต่าง แม้จะมีเป้าหมายที่เหมือนกัน จึงให้แต่ละฝ่ายกลับไปหาแนวทางและกลับมาหารืออีกครั้งในวันประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 18 ก.ค.นี้ จากนั้นจึงหาข้อสรุปร่วมกันอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะมีการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 19 ก.ค.
นายภูมิธรรม มองว่าการแก้มาตรา 272 ยังไม่มีกรอบที่ชัดเจน ขณะเดียวกันการเสนอปิดสวิตช์ ส.ว. ทำได้เพียงสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อให้สังคมรู้ว่า ส.ว.เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยสังคมก็รับรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็มีการเสนอแก้ไขแล้วแต่ไม่สำเร็จ เพราะมีเงื่อนไขตามกฎหมายเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะเสียง ส.ว.ที่ต้องสนับสนุน 84 เสียง ซึ่งเป็นเรื่องยากกว่าการหาเสียง ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรี
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังย้ำในข้อตกลงของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่พยายามผลักดันให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตย และจะต่อสู้ให้นายพิธาจนถึงที่สุดอย่างสุดความสามารถ แต่ผลการเลือกนายกฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ปรากฏออกมา ต้องนำกลับมาคิดว่าจะเดินอย่างไรต่อ ขณะเดียวกันได้ยินมาว่าจะมีการเสนอรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา และยังเชื่อว่ายังสามารถเสนอชื่อนายพิธาเป็นแคนดิเดตได้ในครั้งต่อไป โดยประธานรัฐสภาจะวินิจฉัย หรืออาจจะเสนอเป็นญัตติให้โหวต พรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะตีความให้สอดคล้องกับประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า โจทย์ที่ต้องคิดในวันที่ 19 ก.ค. คือ จะมีการเสนออย่างไรถ้านายพิธายังได้คะแนนเหมือนเดิม หรือไม่มากไปกว่าเดิม หรือน้อยไปกว่าเดิม ชัดเจนแล้วว่าไปไม่ได้ คงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีการเสนอไปเรื่อย ๆ จนถึงปีหน้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ส.ว.หมดวาระ เพราะปัญหาประเทศต้องการความชัดเจน ได้รัฐบาลโดยเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน ดังนั้นจะต้องจบให้ได้
นายภูมิธรรม ระบุว่า พรรคก้าวไกลต้องการเวลาในการเสนอชื่ออีก 1 ครั้ง ควบคู่กับการแก้ไขมาตรา 272 โดยทางพรรคเพื่อไทยแนะว่า จะต้องคิดทบทวนให้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็เคารพความเห็นให้นำไปทบทวนในแต่ละพรรคแล้วหารือกันในเช้าวันที่ 18 ก.ค.นี้ โดยได้กล่าวขอบคุณที่นายพิธาได้ออกมาเสนอให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และยืนยันที่จะทดลองโหวตอีกครั้ง ยังคงย้ำในเจตนารมย์ที่จะจับมือกับ 8 พรรคการเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยจะต้องอยู่กับความเป็นจริงและจะดำเนินการอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เห็นว่า การที่นายพิธาออกมาพูดขนาดนี้ก่อนที่จะมีการตกลงกัน น่าจะมีเจตนาที่ดีที่จะให้กำลังใจกับประชาชนว่าพรรคก้าวไกลต่อสู้อยู่ และชื่นชมในสิ่งที่นายพิธาได้ดำเนินการต่อสู้ เพื่อทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยและประชาชนได้รับชัยชนะ หากในประเด็นไหนยังเห็นต่างก็ต้องพูดคุยกัน เพราะความเห็นร่วมจะต้องผ่านการถกเถียงและพูดคุย ซึ่งในตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป