นนี้ (24 ก.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงท่าทีพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังร่วมหารือกับพรรคเพื่อไทยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าเป็นการส่งสัญญาณร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ว่า เป็นไปตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคได้แสดงจุดยืนไปแล้ว
แต่จะร่วมกันหรือไม่ต้องมาหารือร่วมกันภายในพรรคก่อน ซึ่งจะมีการประชุม สส.ในวันพุธที่ 26 ก.ค.นี้ เวลา 16.00 น.โดยหัวหน้าและเลขาฯพรรค จะนำผลการหารือมาพูดคุยในที่ประชุม สส. และ กก.บห.โดยย้ำว่า ก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรคเคยแสดงเจตจำนงไปแล้วว่ามีแนวคิดอย่างไร
เมื่อสอบถามถึงทิศทางแนวโน้มของ สส.รวมไทยสร้างชาติในขณะนี้มีความคิดเห็นอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า ตนมองว่าสส.ภายในพรรคเป็นเอกภาพ ฉะนั้น การพูดคุยเจรจาถ้ามีเงื่อนไขทำเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ตนก็คิดว่าสส.ของพรรคไม่มีปัญหา
อ่านข่าว “บิ๊กตู่” เผยปล่อยให้เขาตั้งรัฐบาลกันไป ขอบ้านเมืองสงบ
ส่วนได้มีการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติแล้วหรือไม่หลังการหารือร่วมกับพรรคเพื่อไทย นายธนกร กล่าวย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว แต่เท่าที่ตนได้พูดคุยและทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ แม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้วนั้น การที่พรรครวมไทยสร้างชาติไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ว่าอะไร
นายธนกร ยืนยันว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศวางมือทางการเมืองไม่เกี่ยวข้องกับการเปิดทางให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปร่วมทางทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็เปรยมาตลอดว่า หากถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะต้องวางมือ และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง
การวางมือทางการเมือง เป็นแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ คิดไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เนื่องจากทำงานให้ประเทศชาติมากว่า 8-9 ปีถึงเวลาที่เหมาะสมที่ท่านต้องพักผ่อน และหาเวลาไปทำประโยชน์ให้ประเทศชาติในมิติด้านอื่นๆ ซึ่งตนก็เชื่ออยู่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมที่จะทำงานให้ประเทศชาติ
เมื่อถามถึงแนวคิดของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็เป็นหน้าที่ของพรรคในลำดับที่ 3 จะต้องจัดตั้งรัฐบาล จะถือเป็นการส่งสัญญาณว่า พรรคเพื่อไทยไม่สามารถจะตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่
นายธนกร ระบุว่า ตามหลักการพรรคอันดับ 1 จัดตั้งไม่ได้ก็ต้องเป็นพรรคในลำดับที่ 2 และหากพรรคในลำดับที่ 2 ไม่สามารถจัดตั้งได้ก็เป็นพรรคลำดับที่ 3 เป็นไปตามหลักการทั่วไป
ตนก็เห็นใจพรรคเพื่อไทย เหมือนมติของ 8 พรรคร่วมให้ไปแสวงหาคะแนนเพิ่ม ในแนวทางต่าง ๆ เมื่อพรรคเพื่อไทยไปแสวงหา แต่แกนนำพรรคก้าวไกลกลับเหน็บแนม และสมาชิกพรรคก้าวไกล มวลชนสนับสนุนก็บุกไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย และมีการใช้แป้งเกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อวาน ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสม
เมื่อท่านเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลต้องเข้าใจระบอบประชาธิปไตย และควรทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคที่รักใคร่ชอบพอ เพราะบรรยากาศแบบนี้เหมือนท่านปล่อย ซึ่งมันเป็นทฤษฎี 2 ขา นำไปสู่ความขัดแย้งในที่สุด พร้อมยืนยันว่า การชุมนุมต่าง ๆ สามารถทำได้เป็นไปตามที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด จัดกิจกรรม ซึ่งก็ไม่มีปัญหาเพราะทำตามกฎหมาย
นายธนกร ยังระบุว่า แต่แกนนำจะตั้งรัฐบาลอันดับ 1 พอเป็นนายกฯไม่ได้ ไม่มีใครเป็นได้แล้วหรือนอกจากนายพิธา ก็ไม่เข้าใจ เพราะที่ผ่านมาหากอันดับ 1 ตั้งไม่ได้ ก็อันดับ 2 ตั้งไป เป็นเรื่องปกติมากทางการเมือง และที่บอกว่ารอไปสัก 10 เดือน
ส่วนตัวมองว่าเมื่อเลือกตั้งเสร็จกลไกการจัดตั้งรัฐบาล การเลือกตั้งนายกฯก็ควรเดินหน้าไป ไม่ควร แม้มีอุปสรรคบ้าง เพราะมันเป็นการเมืองแบบรัฐสภาฯ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ ไม่ควรรอถึง 10 เดือนเพราะประเทศเสียหาย และประชาชนเฝ้ารอดูอยู่ และนักธุรกิจก็เฝ้ารอดูอยู่
เมื่อถามถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายภายในพรรคเพื่อไทย วานนี้จะทำให้ MOU 8 พรรคร่วมล่มหรือไม่ นายธนกร ปฏิเสธว่า ตนไม่ทราบเนื่องจากเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย แต่ตนเห็นบรรยากาศแล้วที่มีการนำแป้งไปโรยนั้น ก็สงสารนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เลอะแป้งไปถึงศีรษะ
นายธนกร ยังระบุว่า มันไม่ควรมีบรรยากาศแบบนี้ เนื่องจากเป็นการเจรจาตามกรอบที่พรรคร่วมแตกพรรคได้มอบหมายให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งในการเจรจาเบื้องต้นก็ต้องมีการพูดคุยว่าเขาคิดกันอย่างไร และมันยังไม่ได้ไปถึงจุดร่วมรัฐบาลกันเลย และเมื่อเกิดสถานการณ์อย่างนี้แล้วในอนาคตตนมองว่า ก็อาจจะยุ่งยากเหมือนกัน
เมื่อถามย้ำว่า เหตุการณ์วานนี้เพื่อไทยควรจะบอกเลิกพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายธนกรปฏิเสธว่าเรื่องดังกล่าวตนไม่ขอก้าวล่วง พร้อมกับกล่าวว่าหากพรรคในลำดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งได้ก็ควรเป็นพรรคในลำดับที่ 2 หากพรรคลำดับ 2 ไม่ได้ก็ควรเป็นลำดับที่ 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมืองควรเข้าใจ
คิดว่าทุกพรรคที่ได้รับการเชิญไปพูดคุยก็เข้าใจ ไม่ใช่ว่าถูกเชิญไปพูดคุยแล้วจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะเป็นพรรคฝ่ายค้านก็ได้เราก็ไม่รู้ แต่นี่เป็นการเจรจาในเบื้องต้น
เมื่อถามว่ามองอย่างไรในท่าทีของพรรคก้าวไกลที่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายธนกร ระบุว่า
แบบนี้มันเป็นเด็กเกินไปหรือเปล่า บ้านเมืองไม่ใช่เด็กเล่นขายของ เหมือนกับคนที่เป็นแฟนกัน หมั้นกันแล้วเขาก็เลิกกันได้ เหมือนพ่อแม่คลุมถุงชนมาอย่างนี้ วันหนึ่งเมื่อหมั้นกันแล้วพ่อแม่คลุมถุงชนมาเขาก็ยังเลิกกันได้เลย เพราะมันไม่ได้รักกันด้วยหัวใจไง ฉะนั้นคนที่จะแต่งงานกัน มันต้องมีความรักที่ออกมาจากใจ ไม่ใช่รักด้วยสมอง แต่ต้องรักด้วยหัวใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“สันติ” ชี้ พปชร.ไม่ร่วมงาน “ก้าวไกล” ย้ำจุดยืนไม่แตะ ม.112
“วราวุธ” ยันพร้อมหนุน “เพื่อไทย” ถ้าไม่แก้ ม.112 และต้องไม่มีพรรคที่แตะ ม.112
“ชัยธวัช ตุลาธน” ในวันนำพา “ก้าวไกล” ให้พ้นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
“กิตติศักดิ์” ย้ำค้าน ม.112 – “เสรี” บอกเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องมาคุย