วันนี้ (7 ส.ค.2566) เวลา 16.30 น. พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร่วมกันแถลงข่าวจับมือจัดตั้งรัฐบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นการมาพรรคเพื่อไทยเป็นครั้งที่ 2 ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้เกียรติเชิญมาหารือร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคภูมิใจไทยตอบรับคำเชิญ เนื่องจากการหารือก่อนหน้านี้ พรรคภูมิใจไทยยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่าไม่ขัดข้องมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้ 3 หลักการ คือ 1.ไม่แตะต้องมาตรา 112, 2.ไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และ 3.หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะต้องไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย
อ่านข่าว : ดีลมินต์ช็อก! “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” จับมือร่วมตั้งรัฐบาล
ขณะที่วันนี้ (7 ส.ค.) ได้รับทราบว่าพรรคเพื่อไทยเห็นพ้องกับ 3 แนวทางดังกล่าวในทิศทางเดียวกัน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยยืนยันกับเพื่อไทยว่า ถ้าขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เชิญพรรคอื่นมาหารือ ก็ขอให้ถือว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยให้ถือว่ามี 212 เสียง คือมี 141 เสียงของพรรคเพื่อไทย บวกกับ 71 เสียงของพรรคภูมิใจไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพรรคอื่นๆ ว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวอีกว่า ได้รับการยืนยันจากพรรคเพื่อไทยว่า มั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลที่อยู่ในแผนของพรรคเพื่อไทย มี สส.เกินครึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน ดังนั้นเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วและได้รับสัญญาณที่ชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็จะร่วมกันหาเสียงสนับสนุนจาก สส และ สว. เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ส่วนเรื่องการเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทยต้องปฏิบัติตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยให้ผ่านการคัดเลือกของสมาชิกรัฐสภา
ด้าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณพรรคภูมิใจไทยที่ตอบรับคำเชิญพรรคเพื่อไทยในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนและแก้ภาวะวิกฤต โดยเฉพาะวิกฤตทางรัฐธรรรมนูญที่เป็นเดดล็อก เป็นเงื่อนไขที่สร้างความยุ่งยากในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยรับได้กับเงื่อนไข 3 ข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทยเคยแถลงและได้ดำเนินการแล้ว
คำว่า 212 เสียงของเพื่อไทยและภูมิใจไทยจะเป็นเสียงตั้งต้นที่จะเริ่มดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นเสียงค่อนข้างมาก และข้อกังวลต่างๆ จะถูกตัดออกไป ไม่มีคำว่า 188 เสียง
คำแถลงของ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” เรื่องจัดตั้งรัฐบาล
• พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศและเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
• รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้ แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
• เรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ และประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อาทิ เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่
พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้
1. ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ
2. จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร.
3. ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง
4. จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
5. การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
หลังจากนี้ เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤตของประเทศในครั้งนี้
188 เสียงไม่มีอยู่ในสมการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีพรรคไหนร่วมรัฐบาลและมีเงื่อนไขอื่นหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีเสียงตั้งต้น 212 เสียงและจากนี้จะพบปะกับพรรคอื่น ส่วนเงื่อนไขคือสิ่งที่แถลงไปแล้ว
ด้านนายภูมิธรรม เวชชยชัย ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และขณะนี้รวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว และเรียกร้องทุกพรรคการเมืองทุกกลุ่ม ทุกคน สามารถเลือกนายกฯ ได้โดยไม่เกี่ยวข้องจัดตั้งรัฐบาล และภายในสัปดาห์นี้จะเห็นภาพความร่วมมือในการจัดตั้งรัฐบาล
ขณะที่นายอนุทิน ตอบคำถามกรณีที่ไม่มีนโยบายตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ว่า ไม่มีประโยชน์ในการตั้งรัฐบาลและ 188 เสียงไม่มีอยู่ในสมการ
นายอนุทิน ยังยืนยันให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและขึ้นกับการตัดสินใจของเพื่อไทย พร้อมทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง แต่ขณะนี้ไม่ขอพูดอะไรมากเพราะจะเป็นการผูกมัดตัวเองเกินไป จะเป็นทางตัน โดยย้ำว่าวันนี้เอาบ้านเมืองและประชาชนเป็นหลัก และเชื่อมั่นว่าจะหาทางออกได้
เมื่อถามว่าจะเอาพรรค 2 ลุงหรือไม่ และพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในแถลงการณ์ชัดเจนว่าไม่มี 2 ลุง และเงื่อนไขว่าถ้าจะมี สส.และ สว.รายบุคคลมาสนับสนุนการเลือกนายกฯ ถือเป็นเอกสิทธิดุลยพินิจของแต่ละคน
“ไล่หนูตีงูเห่า” แค่รณรงค์หาเสียง ไม่เป็นศัตรู
ส่วนการรณรงค์หาเสียงของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยที่อาจกระทบกระทั่งกัน เช่น ไล่หนูตีงูเห่า นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นภาพการรณรงค์หาเสียง และกิจกรรมแต่ละครั้งที่จัดขึ้นในขณะนั้นเป็นเทคนิคการหาเสียง เราไม่เคยประกาศเป็นศัตรูกัน แต่ทุกพรรคเป็นคู่แข่งทางการเมืองเท่านั้น
หลังจากยุติการเลือกตั้ง ประชาชนตัดสินใจมอบอำนาจให้ใคร เราก็ทำหน้าที่ตามที่รับมอบอำนาจ ถ้าร่วมกันเป็นรัฐบาลได้ก็ร่วมกันทำ ถ้าร่วมกันไม่ได้ ก็เป็นฝ่ายค้าน วิถีการเมืองเป็นอย่างนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เพื่อไทย-ภูมิใจไทย เสนอเมนู “มินต์ช็อกเพื่อชาติ”
“กิตติศักดิ์” คาดนายกฯ คนที่ 30 ไม่ใช่ “เพื่อไทย”
“จตุพร” มอง “เพื่อไทย” หมดอำนาจต่อรองตั้งแต่ปาร์ตี้มินต์ช็อก ไปต่อยาก ถอยกลับก็เสีย