‘รทสช.’ ติว สส.เตรียมโหวตหนุน ‘แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย’ ชี้เป็นการปลดล็อกขัดแย้งสีเสื้อฝังราก 20 ปี – ย้ำยังไม่แบ่งเก้าอี้ แต่อยากให้ ‘พีระพันธุ์’ ได้นั่ง ครม. – เชื่อได้รัฐบาลใหม่การเคลื่อนไหวทางการเมืองจะนิ่ง – ปัด ‘ทักษิณ’ กลับไทย เป็นเรื่องของระบบยุติธรรม
อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุม สส.พรรค ว่า เป็นการประชุมเพื่อเตรียมการประชุมในวันพรุ่งนี้ เพื่อโหวตสนับสนุนเลือกนายกรัฐมนตรีให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงข้อห่วงใยในการเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ได้ไปแถลงการณ์ ในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งในแถลงการณ์มีความชัดเจนว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีนโยบาย ไม่ร่วมทำงานกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติสามารถยืนยันผู้ที่สนับสนุนพรรคว่า พรรครัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่ไม่มีนโยบายการแก้ไขมาตรา 112 ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีการแถลงการณ์ชัดเจนว่าไม่ใช่การแก้ไขทั้งฉบับ โดยจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเฉพาะเรื่องการส่งเสริมประชาธิปไตย และการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น ประชาชนที่ห่วงใย ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หรือ ตั้งสสร. วันนี้เนื้อหาแถแถลงการณ์ในการจัดตั้งรัฐบาลชัดเจนว่าแก้ไขเพียง 3 เรื่องเท่านั้น
และสิ่งสำคัญที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี มีความขัดแย้งทางการเมืองของสีเสื้อ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลืองเสื้อแดง หรือกลุ่มเสื้อหลากสีต่างๆ วันนี้ถือเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ในการขอเชิญชวนคนไทยทั้งประเทศสร้างความสามัคคีปรองดองและเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน และขอให้ประชาชนยึดแถลงการณ์ร่วม ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆได้แถลงร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ประชาชนสบายใจที่จะเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน
ส่วนที่แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ออกมาขอโทษประชาชนที่ต้องร่วม รัฐบาลกับพรรค 2 ลุง เนื่องจากไม่แลนด์สไลด์ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะต้องชี้แจงกับประชาชนหรือไม่นั้น อัครเดช ยอมรับว่าผู้สนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความห่วงใยในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการทำงาน กลับพรรคที่มีจุดยืนในอดีตที่เคยยืนตรงข้าม แต่การร่วมรัฐบาลในครั้งนี้จะเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เพราะนโยบายที่สำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือการสร้างความสมานฉันท์ปรองดองให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้อัครเดช ระบุอีกว่า นโยบายหลักการร่วมรัฐบาลในครั้งนี้คือการสร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งการร่วมรัฐบาล หัวหน้าพรรค มีนโยบายและจุดยืนที่ชัดเจน จะต้องสร้างความมั่นคงและปกป้องสถาบันหลักของชาติดังนั้นจุดยืนของพรรคคือการไม่แก้ไขมาตรา 112 พร้อมย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2
ส่วนในเรื่องของการแบ่งตำแหน่งรัฐมนตรีที่พรรคได้รับ 2 รัฐมนตรีว่าการและ 2 รัฐมนตรีช่วยว่า อัครเดช กล่าวว่า ยังไม่ได้ระบุ แต่จะได้กระทรวงใดวันนี้ที่ประชุมยังไม่ได้มีการพูดคุย รวมถึงการพิจารณาบุคคลของพรรคที่จะไปดำรงตำแหน่งก็ไม่มีการพูดคุยเช่นกัน ส่วนใครจะเป็นผู้รับตำแหน่งเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคที่จะต้องพิจารณาหารือกัน ตามที่พรรคได้รับการจัดสรร จากพรรคแกนนำ ส่วนหลังโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีการเพิ่มหรือลดตำแหน่งหรือไม่ตนไม่ทราบ และในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ก็อยากให้เป็นไปด้วยความราบรื่น เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรี เพราะพรรคร่วมรัฐบาลมีความพร้อมอยู่แล้ว
ส่วนหัวหน้าพรรคจำเป็นต้องได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ อัครเดช กล่าวว่า ตามธรรมเนียมขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรค แต่แน่นอนว่าเป็นพรรคการเมืองก็อยากให้หัวหน้าพรรค เข้าไปเป็นรัฐมนตรี และเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองอยากให้หัวหน้าพรรคไปร่วมคณะรัฐมนตรี
พร้อมกันนี้อัครเดช ยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีการวิเคราะห์ในที่ประชุมว่าขณะนี้สถานการณ์นิ่งแล้ว ถ้าได้นายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้สถานการณ์ทางการเมืองก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ได้รัฐบาลใหม่ ตามความคาดหวังของประชาชน
ขณะเดียวกันในที่ประชุมสส.พรรคยังมีการพูดคุยถึงกรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไทยในวันพรุ่งนี้ ว่าเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม คงไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล เป็นหน้าที่กระบวนการยุติธรรมที่จะดำเนินการ