หน้าแรก Thai PBS กางโผแต่งตั้ง “ผบ.เหล่าทัพ” คาดแล้วเสร็จสัปดาห์นี้

กางโผแต่งตั้ง “ผบ.เหล่าทัพ” คาดแล้วเสร็จสัปดาห์นี้

86
0
กางโผแต่งตั้ง-“ผบ.เหล่าทัพ”-คาดแล้วเสร็จสัปดาห์นี้

“เคาะ-จบ” วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และในฐานะ รมว.กระทรวงกลาโหม เรียกประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม หรือบอร์ด 7 เสือกลาโหม เพื่อพิจารณาบัญชีการปรับย้ายนายทหารประจำ 2566 หลังจากต้องยืดเยื้อมานานเกือบ 2 สัปดาห์ ด้วยปัจจัยเหตุบ้านการเมือง

ก่อนหน้านี้ ผบ.เหล่าทัพ ได้พิจารณาจัดทำบัญชีปรับย้ายให้แล้วเสร็จ ตั้งแต่ในช่วงกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนนำเสนอขึ้นพิจารณาตามขั้นตอน ผ่านการหารือบอร์ด 7 เสือกลาโหม ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการจัดทำบัญชีปรับย้ายนายทหาร แม้ขณะนี้รัฐบาลจะอยู่ในฐานะ “รักษาการ” ก็ตาม

ถ้ายึดมารยาททางการเมือง “รัฐบาลรักษาการ” ไม่ควรเร่งรีบในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ แต่ควรต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่ หรือหมายถึงรัฐบาลข้ามขั้วทางการเมือง ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ขึ้นมาบริหารประเทศ และเป็นผู้พิจารณาเสนอแต่งตั้งอาจจะมีความเหมาะสมกว่า

แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย อธิบายว่า ครม.ชุดใหม่ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ หลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว และช่วงรอยต่อแบบนี้จึงเป็นเหตุทำให้ ครม.รักษาการ ต้องเดินหน้าทำงานต่อ โดยจะไม่โยกย้ายข้าราชการประจำ ยกเว้นก็แต่โยกย้ายทหาร-ตำรวจ ที่จำเป็นเร่งด่วน

วิษณุ ให้สัมภาษณ์ถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ตำรวจ

วิษณุ ให้สัมภาษณ์ถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ตำรวจ

“การแต่งตั้งในบางตำแหน่ง เช่น ตำรวจ ทหาร ไม่ต้องเข้า ครม. ไม่มีข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ มีความจำเป็นเร่งด่วนที่แม้รัฐบาลใหม่เข้ามาก็อาจยังทำไม่ได้ เพราะยังไม่ได้แถลงนโยบาย หลายเรื่องจึงต้องดำเนินการไปพลางก่อน”

แต่ไม่ว่าคนที่จะขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ จะถูกพิจารณาในช่วงรัฐบาลเก่า หรือใหม่ ย่อมต้องพร้อมรับสถานการณ์การเมืองที่อ่อนไหว-สุ่มเสี่ยงจะกระทบต่อความมั่นคง ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล-เปลี่ยนกองทัพ ด้วยเหตุที่ว่าเป็นการปรับย้าย ผบ.เหล่าทัพ ชนิดที่เรียกได้ว่า “ยกแผง”

เนื่องจากต้องเกษียณอายุราชการพร้อมกัน นับเป็นการปรับเปลี่ยนจากยุค ผบ.เหล่าทัพ จากเตรียมทหารรุ่น 21 และ 22 เข้าสู่ยุคเตรียมทหารรุนที่ 23 และ 24 ที่มี พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ เตรียมทหารรุ่น 24 เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ยืนรออยู่แล้ว

ในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย คาดว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ จะส่งไม้ต่อให้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เตรียมทหารรุ่น 24 ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด

ส่วนกองทัพบก ขับเคี่ยวกันมานานระหว่างเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 23 สุดท้าย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผลักดันให้ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ขยับเป็นผู้บัญชาการทหารบก

ส่วนกองทัพเรือมีชื่อของ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข เตรียมทหารรุ่น 25 ซึ่งเป็นน้องชาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุด อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาแรงที่สุดในช่วงนี้ ขยับเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ

 

ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ คาดการณ์ระหว่าง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล อดีตนักบินขับไล่เอฟ 16 ด้วยกันทั้งคู่

ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14 เป็นได้สูงว่าจะอยู่ที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม้จะอยู่ในลำดับอาวุโสสุดท้าย แต่เงื่อนไขการแต่งตั้งตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับใหม่ ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติความอาวุโสไว้เพียงอย่างเดียว แต่ถ้าไม่ใช่อาจเป็น พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ซึ่งมีความอาวุโส ลำดับที่ 1

การพลิกขั้วรัฐบาล และอยู่ภายใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจากรัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดใหม่ ต้องปรับการงานเชื่อมโยงมิติกองทัพกับการเมือง เพื่อรักษาจุดยืนกองทัพดูแลความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่