หากกาง 1 ใน 9 กุนซือของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย นอกจากจะมาจากแวดวงการเมือง นักวิชาการแล้ว หนึ่งในชื่อที่สะดุดตาในแวดวงสิ่งแวดล้อมคือ นายชลธิศ สุรัสวดี อดีตอธิบดีกรมป่าไม้
ชลธิศ สุรัสวดี ไม่เพียงแค่เป็นข้าราชการสายสิ่งแวดล้อม มานานกว่า 35 ปี ผ่านตำแหน่งสำคัญ ตั้งแต่ระดับรองอธิดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และอธิบดีกรมป่าไม้ และเกษียณอายุราชการในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.
แต่นายชลธิศ ยังเป็นหลานชายสายตรงของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้ที่คลุกคลีและเติบโตมาอธิบดีกรมประมง เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) อธิบดีกรมป่าไม้ รวมถึงตำแหน่งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แต่ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อ่านข่าว เปิดตัว 9 ที่ปรึกษา “นายกฯ เศรษฐา” เน้นผู้เชี่ยวชาญ-ชำนาญเฉพาะทาง
ชีวิตพลิกผันจากขรก.สู่การเมืองครั้งแรก
จริงๆ ผมก็คือคนของพรรคเพื่อไทย เป็นผู้เขียนนโยบายพรรคเพื่อไทย เรื่องที่ดินเขียนมากับมือ ซึ่งนายปลอดประสพ ชวนมา ตอนนั้นไม่รู้ว่าวันข้างหน้าคืออะไร เพิ่งมาทำงานกับพรรคช่วง ม.ค.นี้
ชลธิศ บอกกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ได้รับการชักชวนจากนายปลอดประสพ ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ให้มาช่วยทำเรื่องที่ดินตั้งแต่ช่วยเขียนนโยบายพรรคเพื่อไทยเรื่องที่ดินทำกินลดความเหลื่อมล้ำ
เพิ่งเห็นคำสั่งในการตั้งเป็นที่ปรึกษานายกฯ คำสั่งเพิ่งออกมาเมื่อ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาแล้ว คาดว่าหลังจากนี้ คงมีการนัดประชุมที่ปรึกษาทั้งหมด จากนั้นคงเดินสายคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ เช่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทั้งนายกิตติรัตน์ และร.อ.ธรรมนัส เคยคุยเรื่อง ส.ป.ก.ที่เปลี่ยนเอกสารเป็นโฉนด
อ่านข่าว “กิตติรัตน์” นั่งประธานกุนซือนายกฯ เศรษฐา
เขาบอกว่า ภารกิจตัวเองน่าจะเป็นเรื่องที่ดิน ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม แต่คงไม่ได้จะไปล้ำเส้นทางกระทรวงหน้าที่คือดำเนินการในเชิงนโยบาย และต้องไปคุยกับเจ้ากระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตอนนี้เหลือพูดคุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ต้องรับฟังความเห็นเจ้ากระทรวงเป็นหลัก สิ่งที่นำเสนอคือประโยชน์ที่เกิดกับประเทศ
ตัวต่อจิ๊กซอว์นโยาย-สู่การปฏิบัติ
เมื่อถามเป็นข้าราชการมาตลอด 35 ปีเมื่อก้าวสู่การเมืองต้องปรับอะไรหรือไม่ นายชลธิศ บอกว่า ทำงานไม่ได้ขึ้นกับใคร ทำงานขึ้นกับนายกฯ ต้องรายงาน นายกฯ เป็นที่ปรึกษาก็นำเสนอนายกฯ ทุกขั้นตอนซึ่ง 70-80% นายกฯ ก็รับทราบปัญหาต่างๆ เพียงมีภารกิจเยอะ แต่เราเหมือนแบ่งเบาภาระ ความสำคัญคือภาคเกษตร ป่าไม้ น้ำ และคนที่ขาดโอกาสในสังคม ด้วยข้อจำกัดที่ดินของรัฐ เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญอยากเห็นพี่น้องมีความสุข
เขาบอกว่า ตอนนี้ไม่รู้ใครคือเจ้าของที่ดิน แต่เป้าหมายทุกคนต้องมาลงทะเบียน แล้วจะรู้ว่าเองว่าเขาคือใคร ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครกลับไปดูว่าใครคือผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่สำหรับตัวเอง ใครจะถือกรรมสิทธิ์ ไม่สำคัญเท่ากับวัตถุประสงค์ในการใช้ที่ดินเพื่ออะไร และถ้าเขาอยู่ในคุณสมบัติที่เป็นไปตามเงื่อนไขจะว่าตามนั้น
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยกระทรวง และเจ้าหน้าที่จะต้องร่วมกัน ทำอย่างไรให้เข้าใจตรงกัน และเดินไปพร้อมกันความยั่งยืน ซึ่งเชื่อว่าคงจะไม่ทำงานซ้ำซ้อน หรือไปล้ำเส้นใคร เพราะมองเป้าหมายประเทศ
ยืนยันไม่ก้าวล่วงกระทรวง แต่ทำหน้าที่ต่อจิ๊กซอว์กับโฟกัสสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับนโยบายที่รัฐบาลจะเดินหน้า จะไม่ไปล้ำเส้นรัฐมนตรี
โดยนายชลธิศ บอกว่า เป้าหมายรัฐบาลคือนโยบายที่เคยตั้งใจมันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะนโยบายพรรคการเมืองไหน แต่มองประชาชนที่ตั้งไม่ได้มองการเมือง เพราะถ้าสำเร็จไม่ว่าผลงานของพรรคไหน ประเทศไทยได้ประโยชน์
ถ้าเริ่มต้นจากการเมือง และทำงานแบ่งแยกงานจะไม่เกิด สมัยที่เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ก็ไปพูดคุยกับปลัดเกษตร ไปหาปลัดพาณิชย์ว่ามีปัญหา แต่ตอนนั้นอาจไม่เกิด เพราะผมเป็นอธิบดี ซึ่งวิธีการทำงานไม่กังวล พร้อมที่จะนอบน้อม และเดินหาทุกคน
อ่านข่าว เด้งฟ้าผ่า “ชลธิศ สุรัสวดี “บิ๊กกรมป่าไม้ นั่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี
ส่วนข้อกังวลเรื่องนโยบายที่ดินจะแจกป่าหรือไม่ นายชลธิศ ยืนยันว่าไม่แจกป่า แต่เปลี่ยนรูปแบบการจัดการที่ดินบางเรื่อง และไม่มีแผนเอาป่ามาแจกใคร แต่จะให้เกิดพื้นที่ป่าเศรษฐกิจ 15% ต้องเกิดในรัฐบาลนี้
นายชลธิศ ทิ้งท้ายว่า ไม่รู้สึกกังวลอะไรที่กระโดดเข้าสู่การทำหน้าที่ที่ปรึกษาทางการเมือง เพราะตลอดชีวิตรับราชการ 35 ปี ไม่เคยเป็นสมาชิกการเมือง และยังยืนยันว่าตัวเองพูดคุยได้กับทุกคน
มีความคิด 3 อย่าง คือนักวิชาการคุยยากสุด รองลงมาสื่อสิ่งแวดล้อม และเอ็นจีโอ ถ้า 3 ส่วนนี้เห็นตรงกัน และเข้าใจว่าเราจะทำอะไร ที่เหลือไม่ใช่เรื่องยาก
ปัจจุบันชลธิศ อายุ 65 ปี เริ่มรับราชการตั้งแต่ปี 2524 นักวิชาการป่าไม้ 3 กรมป่าไม้ ปี 2543 ป่าไม้จังหวัดอยุธยา จากนั้นปี 2546 เลขานุการกรมป่าไม้
ปี 2548 ผอ.สำนักจัดการป่าชุมชน (นักวิชาการป่าไม้ 9) สำนักจัดการป่าชุมชน ขยับเป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้ปี 2551 กระทั่งปี 2556 ผู้ตรวจราชการ ทส.และปี 2557 เป็นอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โด่งดังจากการตั้งทีมฉลามขาว ชุดเฉพาะกิจทวงคืนผืนป่าชายเลนจากนายทุนที่บุกรุกทำนากุ้งและปลูกสวนปาล์ม ตั้งเป้าเอาคืน 300,000 ไร่
ต่อมาในปี 2558 เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ กระทั่งวันที่ 3 ต.ค.2560 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.จากข้อกล่าวหาว่า เรียกรับเงินและเอื้อนายทุนสร้างสนามบินพังงา ในป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองทุ่งมะพร้าว จ.พังงา พื้นที่ 2,000 ไร่ ซึ่งเขาเคยพูดทิ้งท้ายหลังการถูกย้ายไม่เป็นธรรมในครั้งนั้นว่า
นามสกุล “สุรัสวดี” ก็ไม่ได้หมายความจะต้องทำงานให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
อ่านข่าว
เปิดเบื้องหลังคำสั่งเด้ง “ชลธิศ สุรัสวดี” ศึกชิงเก้าอี้อธิบดีกรมป่าไม้
“ชลธิศ สุรัสวดี” อธิบดีกรมป่าไม้ แถลงเปิดใจหลังถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี