24 ก.ย.2566 นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทยเปิดเผยถึงการหารือกับนายโจนาธาน เดล คิงส์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยว่า ตนได้เชิญชวนให้นักธุรกิจนิวซีแลนด์มาลงทุนใน EEC เพิ่มมากขึ้นและไทยต้องการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีการเกษตรโดยเฉพาะน้ำนมดิบและการจัดจำหน่าย รวมทั้งต้องการให้นิวซีแลนด์สนับสนุนผู้ช่วยสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนและสถาบันอาชีวศึกษา และจัดทำหลักสูตรภาษาอังกฤษในด้านเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว โดยทั้ง 3 เรื่องดังกล่าว เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ยินดีที่จะสนับสนุน และต้องการใช้โอกาสที่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) จะครบรอบ 20 ปีในปีหน้า ส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมานิวซีแลนด์ได้ลดภาษีให้กับสินค้าจากไทยแล้วทั้งหมด ส่วนไทยจะลดภาษีให้กับสินค้านิวซีแลนด์ทั้งหมดภายในปี 2568 โดยยังมีสินค้าที่ไทยเรียกเก็บภาษีศุลกากรอยู่ ได้แก่ นมและครีม (น้ำนมดิบ) เครื่องดื่มนมปรุงแต่ง นมผงขาดมันเนย ปัจจุบันไทยส่งออกผลไม้ไปนิวซีแลนด์ได้แล้ว 7 รายการ คือ สับปะรด มะม่วง มะพร้าว มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ทุเรียน สินค้าผักสด 2 รายการ คือ เผือกและขิง สินค้าประมง 2 รายการ คือ ปลานิลและปลาสวาย และสินค้าเนื้อสัตว์แปรรูป 3 รายการ คือ เนื้อปลาแซลมอนแปรรูป เนื้อโคบรรจุกระป๋อง และเนื้อเป็ดปรุงสุก ขณะที่ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2553 นั้น ช่วยเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจบริการต่างๆ เช่น การศึกษาและการท่องเที่ยว และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อยกระดับความตกลงให้ทันสมัยและเป็นปัจจุบันยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้
นอกจากนี้ตนยังได้หารือกับนายแพทริก เบิร์น เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวชาวไอริชที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นมีประมาณ 100,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 คนต่อปี ทำให้เห็นถึงศักยภาพของการท่องเที่ยวไทย และทั้ง 2 ประเทศแสดงความสนใจเรื่องการเปิดเที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ-ดับลิน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง รวมทั้งต้องการยกระดับความร่วมมือทางด้านการศึกษา เพราะไอร์แลนด์เป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในภาษาราชการ และมีมหาวิทยาลัยชั้นนำจำนวนมาก แต่ยังมีนักเรียนนักศึกษาไทยไม่มากนัก โอกาสนี้เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์อยากเห็นความคืบหน้าของความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป พร้อมทั้งได้เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงดับลิน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันอีกด้วย