หน้าแรก Voice TV 'เศรษฐา' ยัน รบ. ส่งเสริมพลังงานสะอาด รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

'เศรษฐา' ยัน รบ. ส่งเสริมพลังงานสะอาด รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

80
0
'เศรษฐา'-ยัน-รบ.-ส่งเสริมพลังงานสะอาด-รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

นายกฯ ร่วมเวที “ร่วม เร่ง เปลี่ยนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” บอกเศรษฐกิจจะยั่งยืน แนวทางต้องชัดเจน มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง – ย้ำรัฐบาลส่งเสริมพลังงานสะอาดรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ – ฝากภาคธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นพี่เลี้ยง ธุรกิจขนาดเล็ก ชุมชน เข้าถึงแหล่งความรู้ เงินทุน – ลั่นเป็นจริงได้ หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น “ร่วม เร่ง เปลี่ยนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” และแสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ESG (Environmental, Social and Governance) เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ในงาน ESG Symposium 2023 ภายใต้งาน Sustainability Expo 2023 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ที่ทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ภาครัฐภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ได้ร่วมการหาแนวทางให้ประเทศไทย เป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อทุกวชีวิตบนโลก ทั้งสุขภาพ ภัยแล้งรุนแรงมากขึ้น อาหารขาดแคนและนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับครัวเรือน

ตนเชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันตามกลยุทธ์ ESG (Environmental, social, and corporate governance) ที่เน้นสร้างเศรษฐกิจ ควบคู่กับสมดุลยทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างโปร่งใส มุ่งสู่เป้าหมาย SDG ของสหประชาชาติเราจะช่วยกันกู้โลกให้กลับมาดีขึ้นได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมาได้ร่วมประชุมกับผู้นำว่าเรื่องการพัฒนาอย่างยังยืนโดยสหประชาชาติได้กำหนดให้เป็นทศวรรษแห่งการลงมือทำ เพราะเราจะรอช้าอีกไม่ได้แล้ว ประเทศไทยได้สนับสนุนกรอบความร่วมมือระดับประเทศให้มีความเข้มแข็งโดยเฉพาะความร่วมมือในการจัดสรรทรัพยากรและแหล่งเงินทุนซึ่งจะช่วย ทำให้ทุกประเทศรับมือกับความท้าทาย และช่วยขับเคลื่อน SDG ให้เป็นรูปธรรม 

รัฐบาลได้ออกมาตรการทางการเงินกว่า 450,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อความยั่งยืนซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากภาคธุรกิจไทย โดยภาคธุรกิจกว่า 100 บริษัท ทั่วประเทศ พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และตั้งเป้าลงทุน 1.6 ล้านล้านบาท ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ SDG ภายในปี 2573 

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ต้องมีแนวทางที่นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่ชัดเจน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งประเทศไทยได้มีแนวทางดังนี้ มุ่งการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ช่วยเหลือกลุ่มรากหญ้า / ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศสำหรับประชาชนทุกคนในประเทศ / และให้ความสำคัญสิทธิด้านสุขภาพ / ผลักดันความร่วมมือทุกระดับเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงพลังงานสะอาดในราคาที่เหมาะสมและมีความน่าเชื่อถือภายในปี 20030

ขอให้ทุกคนได้มั่นใจว่าวันนี้ประเทศไทย พร้อมเดินหน้าแก้วิกฤติสิ่งแวดล้อม โดยรัฐบาลบรรจุอยู่ในนโยบายและมีแผนที่จะลดแก๊สเรือนกระจกของประเทศเพื่อให้ทุกภาคส่วนดำเนินการอย่างบูรณาการร่วมกัน 

ทั้งนี้การดำเนินการลดแก๊สเรือนกระจกจะต้องอาศัยความร่วมมือ จากทั้งภาคเอกชนรายใหญ่และภาคประชาชน พร้อมรับว่าต้องใช้เงินทุน ขอชื่นชม SCG ที่ผลักดันในเรื่องนี้ และขอเชิญชวนบริษัทใหญ่อื่นๆมาช่วยกันเป็นพลังเสริมด้วย ทั้งนี้ขอให้ทำให้สำเร็จจะได้เป็นตัวอย่างให้กับ เมืองอื่นๆ และ ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆในประเทศได้

ส่วนการผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เป็นวาระแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีพร้อมต่อยอดจาก 3 อุตสาหกรรมนำร่อง เศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อขยายผลสำเร็จนี้รัฐบาลจะได้ให้ความสำคัญกับการกำหนดนโยบายจัดการขยะและเปิดให้จัดหาสินค้ากรีน เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่เอื้อต่อระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน

ส่วนการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดถือเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต และช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตแบบคาร์บอนต่ำ รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดให้เต็มประสิทธิภาพ และศึกษาการเปิดให้สามารถซื้อขายไฟฟ้าจาก รีนิวเอเบิลซอร์สให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดแข็งของประเทศไทยในการดึงดูดนักลงทุน และบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาในอนาคต / ที่สำคัญคือการเปลี่ยนสู่สังคมคาร์บอนต่ำโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังต้องยอมรับว่าจะมีประชาชนอีกมากโดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก เกษตรกร และชุมชนที่ยังไม่ตระหนักถึงวิกฤตินี้ หรือยังไม่ทราบทางออกเพื่อรับมือ 

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เราควรสนับสนุนการเข้าถึงความรู้ เทคโนโลยีและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงให้สามารถปรับตัวอยู่รอดได้ / ขอฝากให้ธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นพี่เลี้ยงผู้ประกอบการขนาดเล็กและชุมชนรวมทั้งผนึกกำลังกับภาคส่วนต่างๆ /วันนี้ตนจะรับข้อเสนอต่างๆและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินงานต่อไป

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดงานในวันนี้ ที่ได้ช่วยสร้างความตระหนักรู้และสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่จะผลักดันให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม เราทุกคนมุ่งหวังให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำและภาวะอากาศแปรปรวนขั้นวิกฤต / รวมทั้งสร้างเศรษฐกิจที่เจริญเติบโต ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี /การท่องเที่ยวคึกคัก/ เกษตรกรมีรายได้ดี/ ลดความเหลื่อมล้ำยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องคนไทย/ ตนมั่นใจว่าจะเป็นจริงได้อย่างแน่นอน หากทุกภาคส่วนได้ร่วมกันบูรณาการและโดยเห็นประโยชน์ของประเทศและโลกเป็นสำคัญ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่