หน้าแรก Thai PBS “นายกฯ” โรดโชว์ “แลนด์บริดจ์” ในเอเปค คาด 2 ปีเห็นภาพ ร่นเดินทาง 5-10 วัน

“นายกฯ” โรดโชว์ “แลนด์บริดจ์” ในเอเปค คาด 2 ปีเห็นภาพ ร่นเดินทาง 5-10 วัน

79
0
“นายกฯ”-โรดโชว์-“แลนด์บริดจ์”-ในเอเปค-คาด-2-ปีเห็นภาพ-ร่นเดินทาง-5-10-วัน

วันนี้ (13 พ.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า จะใช้โอกาสในการเข้าร่วมประชุมเอเปคครั้งนี้ จะเชิญชวนนักลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นจะเกิดอุตสาหกรรมใหม่ และจะขยายเป็นฐานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะภาคการเกษตร แต่จะมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเกิดขึ้นด้วย ซึ่งจะยกระดับรายได้ประชาชน และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น

ส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นในการพบกับนักลงทุนในสหรัฐ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกครั้งที่เดินทางต่างประเทศ ได้แจ้งความคืบหน้า และก็จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และยังเป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ตัดสินใจวางอนาคต แม้โครงการยังไม่เกิดขึ้นทันที ต้องใช้เวลานาน

เชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะเล็งเห็นโอกาส จากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และอาจจะตัดสินใจไม่ย้ายประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องสร้างแรงบันดาลใจ เพราะประเทศเราต้องดีขึ้น หากเรามีเขตอุตสาหกรรมที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ และคนไทยมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่จะร่วมกันพัฒนาก็จะเป็นจุดศูนย์กลางที่จะหล่อหลอมให้สังคมดีขึ้นได้

สำหรับข้อเสนอที่จะจูงใจนักลงทุน ให้เลือกมาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ของไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีทั้งมาตรการทางภาษี, พลังงานสะอาด, การบริหารจัดการน้ำในภาคอุตสาหกรรม, การเป็นศูนย์กลางการบิน, มีรถไฟความเร็วสูง, ท่าเรือแหลมฉบังสำหรับโลจิสติกส์ และแลนด์บริดจ์ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นปัจจัยสำคัญให้นักลงทุนตัดสินใจ

แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง “ใครได้ ใครเสีย ใครคุ้มสุด”

ส่วนในมิติสังคมประเทศไทยไม่แตกแยกเท่าบางประเทศ แม้ย่อมมีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ นักลงทุนต่างชาติจะดูตรงนี้เป็นหลัก อีกทั้งไทยยังมีโรงเรียนและสถานพยาบาลมาตรฐานระดับโลก ซึ่งเป็นปัจจัยต่อการตัดสินใจของนักลงทุนเช่นกัน

ด้านนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการเตรียมโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์ว่า ไม่ใช่โครงการที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นนานพอสมควรและมีการพูดคุยตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลที่แล้วให้ศึกษาเรื่องแลนด์บริดจ์ ซึ่งประเทศไทยมีพื้นที่ หรือโลเคชั่นที่ได้เปรียบ เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ระหว่าง 2 ฝั่งทะเล ได้แก่ ฝั่งทะเลจีนใต้ และฝั่งอันดามัน

“สุริยะ” ยันเดินหน้าต่อ “แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง” แต่ต้องรอ สนข.ศึกษาให้เสร็จ

ซึ่งจะมีการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง ไปยังโรงงานในผลิตใน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เมื่อผลิตเสร็จสินค้า ส่วนหนึ่งจะข้ามไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก อีกส่วนจะวกกลับผ่านช่องแคบมะละกาไปทางยุโรป เอเชียกลาง และเอเชียใต้ ซึ่งประเทศไทยอยู่ตรงกลางจึงมีโลเคชั่นที่ได้เปรียบ อีกทั้งสินค้าที่ต้องผ่านช่องแคบมะละกามีจำนวนมากขึ้น

จากการศึกษาพบว่า อาจจะมีปัญหาการส่งสินค้าในอนาคตได้ จึงเป็นจังหวะที่ประเทศไทยได้เปรียบ หากสามารถดึงสิ่งที่อยู่ในเส้นทางเดินเรือโลกมาผ่านประเทศไทยได้ก็จะได้ประโยชน์

โครงการแลนด์บริดจ์ จะทำให้เส้นทางการขนส่งสินค้าสั้นลงประมาณ 5-10 วัน และหากได้ทำโรดโชว์ให้คนเห็น และมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย โครงการนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ที่นายกรัฐมนตรี พูดในหลายๆเวที ก็มีหลายๆ ประเทศให้ความสนใจ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้ จึงเป็นเหตุผลที่มาโรดโชว์ในสหรัฐอเมริกา

นายชยธรรม์กล่าวต่อวา ทั้งการโรดโชว์เพื่อต้องการมารับฟังความเห็นของนักลงทุนว่า ถ้าต้องการมาลงทุนในประเทศไทย มีปัจจัยอะไรที่ต้องการให้เตรียมให้ โดยมุมหนึ่งในการพัฒนาแลนด์บริดจ์ คือเรื่องกฎหมาย จะต้องมีกฎหมายพิเศษที่เป็นลักษณะเดียวกับอีอีซี จากนั้นจะนำความเห็นจากการโรดโชว์ไปประมวลว่าสิ่งใดสามารถทำได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน หรือมีอะไรจะต้องเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีมาตรการภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจด้วยหรือไม่ ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าว่าจะต้องคุยกันว่า เขามีความประสงค์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม โครงการแลนด์บริดจ์นั้น นอกจากจะนำเรือเดินสินค้ามายังประเทศไทยแล้ว ส่วนที่นายกรัฐมนตรีมองคือ ให้เขามาลงทุนในแลนด์บริดจ์แล้วส่งออก ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่าง ๆ ถูกลง อีกทั้งลดระยะเวลาการเดินทาง และสิ่งนี้จะทำให้โครงการแลนด์บริดจ์น่าสนใจมากขึ้น

เมื่อถามถึงเป้าหมายของนักลงทุนจะเป็นต่างชาติ 100 % หรือไม่ ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่เรามอง โดยเรามองว่าเมื่อสร้างเสร็จต้องมีคนมาใช้ ดังนั้นคนที่จะมาลงทุนต้องเป็นคนที่อยู่ในธุรกิจนี้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าโครงการนี้จะเกิดได้เมื่อไร ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า หลังโรดโชว์เสร็จสิ้น ก็ต้องกลับไปประมวลว่า จะต้องทำกฎหมายพิเศษอย่างไร เมื่อทำเสร็จแล้วจะเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุน ซึ่งภายในระยะเวลา 2 ปีจะมีความชัดเจน โดยในกรอบของกฎหมายจะมีการตั้งหน่วยงานและคณะกรรมการในลักษณะเดียวกับ อีอีซี ที่จะมารับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งโครงการนี้มีความเกี่ยวข้องหลายกระทรวง โดยจะมีการรายงานนายกรัฐมนตรีโดยตรง

สำหรับเป้าหมายประเทศที่อยากให้มาลงทุนในโครงการดังกล่าว มีทั้งตะวันออกกลาง จีน ยุโรป อเมริกา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่