วันนี้ (21 พ.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า และมีการสั่งการให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ที่ดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดูแลเรื่องปัญหาหมูเถื่อน โดยกำชับว่าจะต้องสาวไปถึงรายใหญ่ให้ได้ และรวมถึงเรื่องตลาดทุนที่มีการขยายผลไปยังบริษัทสตาร์ก
พร้อมกับเปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ได้พบเจอกับผู้ประกอบการค้าข้าวรายใหญ่ ของประเทศไทยและมีการพูดคุยปัญหาเรื่องข้าว ซึ่งหนึ่งในปัญหาคือเรื่องพันธุ์ข้าวไทย เนื่องจากผลผลิตต่อไร่ของไทยต่ำกว่าของประเทศเพื่อนบ้าน
และหนึ่งในเหตุผลเนื่องจากพันธุ์ข้าวไทยที่มีการพัฒนาช้า และได้รับการยอมรับจากกรมการข้าวล่าช้า ทำให้ปลูกได้ช้า จึงได้สั่งการไปยัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ตอบรับที่จะดูแลปัญหาและขั้นตอนการออกพันธุ์ข้าวใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สูงขึ้นต่อไร่ให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกัน ครม. ได้รับรองร่างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อใช้รับรองการเรื่องสมรสเท่าเทียม แล้วจะส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในสมัยประชุมหน้าที่จะเปิดในวันที่ 12 ธ.ค.นี้
นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเด็นเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน One stop service Single window from ที่จะรวบรวมจากทุกหน่วยงานรัฐเข้ามาบูรณาการเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับ ทุกภาคส่วนที่ติดต่อทำเอกสารที่ส่งสินค้าออกขายต่างประเทศ โดยใช้ที่ จ.หนองคาย นำร่อง ทำวันสต็อปเซอร์วิสฯ ว่าสามารถทำได้รวดเร็วหรือไม่อย่างไร
ไม่มีประโยชน์หากลงทุนทำโครงสร้างพื้นฐานถึง 100,000 ล้านบาท แต่ติดปัญหาเรื่องการทำเอกสารที่ชายแดน เสียเวลาที่ต้องเดินเอกสารผ่านโต๊ะต่าง ๆ ทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ
จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่สั่งการให้ ครม. และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทางกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวบรวมทำ Single window From one stop service เพื่อหน่วยความสะดวกให้กับประชาชน