กระมิดกระเมี้ยนมานาน แต่แล้ว “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาฟันธงว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทย “อุ้งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นั่งนายกฯ แน่ แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้ หลังทายาทตระกูลชินวัตร เดินทางลงพื้นที่ภาคเหนือ พบปะกับกลุ่มบ้านใหญ่
“…การเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่วันนี้ ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งพอสมควร วันนี้เรามีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ทำงานดีอยู่แล้ว และต้องทำงานต่อไปอีกยาวๆ ไม่ใช่แค่วันนี้หรือพรุ่งนี้” แม้จะเป็นคำหยอดจากรองนายกฯ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หากจับสัญญาณ “บิ๊กดีล” ระหว่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า และ “ทักษิณ ชินวัตร” ก่อนเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาล ในครั้งนั้น “ธนาธร” ไม่ได้ตอบรับหรือปฎิเสธใดๆ ทั้งสิ้น แต่การให้สัมภาษณ์ในรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ”กับ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” โดยระบุตอนหนึ่งว่า
“พันธมิตรระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเป็นพันธมิตรทำให้ประเทศก้าวหน้าที่สุดและกลับมาเป็นประชาธิปไตย”
และคำพูดอีกช่วงหนึ่งว่า… ไม่รู้คนอื่นคิดอย่างไร แต่พรรคเพื่อไทยคือมิตรสำหรับผม แม้จะอยู่คนละฝั่งก็ตาม เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราเป็นฝ่ายค้าน ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน
…แต่สำหรับผม เพื่อไทยคือมิตร และทางออกที่จะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าต้องมี 2 พรรคนี้ ฝากถึงเพื่อนในพรรคก้าวไกลและแกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย อนาคตของประ เทศไทยอยู่ในมือคุณทั้งสอง”
ไม่ต้องตีความ คำพูดนี้ชัดเสียยิ่งกว่าชัด กอปรกับการตอกย้ำ หลัง “ทักษิณ” นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ คนฝั่งอนาคตใหม่-และก้าวไกลในวันนี้ ไม่มีถ้อยคำโจมตีเรื่อง “การเลือกปฎิบัติ” และ”สองมาตรฐาน”
แม้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรมว.พาณิชย์ จะบอกว่า “โอ๊ย เรื่องธนาธรเลิกพูดได้แล้ว”… ขณะนี้นายทักษิณก็ยังป่วยอยู่ และการที่นายธนาธรพูดไป คนอื่นก็ไม่สามารถรู้ข้อเท็จจริง และไม่สามารถอธิบายได้
นอกจากนี้ “ภูมิธรรม” ยังบอกปัดไม่ให้สนใจ แต่ควรสนใจตัวเลขจีดีพีตกต่ำมาก และเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข หลังจากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 1.5 % และเป็นตัวเลขที่ “ศิริกัญญา ตันสกุล”ย้อนถามรัฐบาลเพื่อไทยว่า “วิกฤต” หรือยัง
ส่วนที่ศาลอาญา เมื่อช่วงสายวันนี้ ( 21 พ.ย.2566 )ศาลมีคำพิพากษาในคดีอาญา ตามที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ความผิดข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ผ่านรายการระบบยูทูบและอินเตอร์เน็ต โดยกล่าวหาว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน กระทำการทุจริต เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2564
ศาลมีคำพิพากษาให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีความผิด ตาม ป.อาญา มาตรา 326 และ มาตรา 328 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ100,000 บาท และคำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 66,666.66 บาท เห็นว่าจำเลยมีคุณความดีมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี วันนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง
เศร้าปิดท้าย “รูดม่านชีวิต” ปิดตำนานบิ๊ก คมช. “พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร” วัย 75 ปี อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เสียชีวิตอย่างสงบ หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโรคมะเร็งปอดในช่วง2 ปีที่ผ่านมา
พล.อ.สพรั่ง จบโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 7 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 18 เป็นหนึ่งนายทหารที่มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์รัฐประหารรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อปี 2549 และมีจุดยืนอย่างชัดเจนทางการเมืองในการปกป้องสถาบัน ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น
พล.อ.สพรั่ง เริ่มรับราชการเมื่อ พ.ศ.2512 เป็นผู้บังคับหมวดปืนเล็ก ร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 3 กรมผสมที่ 4 เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4
ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 19, ผู้บังคับการกรมนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร, ผู้บังคับการกรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ข้ามมาเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 เมื่อ พ.ศ.2540, ดำรงตำแหน่งแม่ทัพน้อยที่ 3 พ.ศ.2546
พล.อ.สพรั่ง เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 เมื่อปี 2548 ต่อมาปี 2549 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเลขาธิการคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (คปค.) หลังการยึดอำนาจ และเป็น 1 ในสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ช่วงพล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธานของ คมช.
และได้อยู่ในไลน์ 5 เสือทบ.ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้ช่วย ผบ.ทบ.แต่ไม่ได้ขึ้นเป็นผบ.ทบ. และถูกโยกเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมปี 2550 ก่อนจะเกษียณอายุราชการ
นับจากนั้นพล.อ.สพรั่ง ก็เก็บตัวไม่ไปออกงาน หรือพบปะกลุ่มนายทหารและเพื่อนร่วมรุ่นเลย แต่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกับครอบครัวที่บ้านพักย่านพหล โยธิน
ทั้งนี้ครอบครัวกำหนดให้มีการสวดอภิธรรม พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร วันที่ 23 -27พ.ย. และฌาปน กิจ วันที่27 พ.ย.2566 ที่วัดพระศรีมหาธาตุ