หน้าแรก Thai PBS จับกระแสการเมือง: วันที่ 26 ธ.ค.2566 “แกงส้ม ผลัก รวม” ยิ่งลักษณ์ รอดคดีย้าย “ถวิล เปลี่ยนสี”

จับกระแสการเมือง: วันที่ 26 ธ.ค.2566 “แกงส้ม ผลัก รวม” ยิ่งลักษณ์ รอดคดีย้าย “ถวิล เปลี่ยนสี”

84
0
จับกระแสการเมือง:-วันที่-26-ธค.2566-“แกงส้ม-ผลัก-รวม”-ยิ่งลักษณ์-รอดคดีย้าย-“ถวิล-เปลี่ยนสี”

พ้นผิดไปแล้ว 1 คดี สำหรับ “อดีตนายกฯ ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งยกฟ้องคดีแต่งตั้งโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยระบุว่าอดีตนายกฯ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งหรือมีความขัดแย้งส่วนตัว

12 ปีนับแต่เกิดคดีฟ้องร้องระหว่าง “ถวิล” และ “ยิ่งลักษณ์” ตั้งแต่เดือน ก.ย.ปี 2554 จนศาลมีคำสั่งยกฟ้องวันนี้ (26 ธ.ค.2566) … จากการไต่สวนเบิกความและศาลใช้ดุลพินิจ ชี้ว่าไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับปี 2542 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และฉบับปี 2561 มาตรา 192 ตามที่โจทก์ยื่นฟ้อง

อย่างไรก็ตาม แม้จะเคยมีมูลคดีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และ คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด แต่ถือเป็นคนละประเด็นที่ศาลฎีกานักการเมืองวินิจฉัย จึงไม่มีผลผูกพันกัน และเป็นอำนาจของศาลฎีกานักการเมืองที่จะวินิจฉัยในคดีอาญา

“แกงส้ม ผลัก รวม” ฉายารัฐบาลประจำปี 2566 ที่สื่อมวลชนตั้งให้รัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งมองมุมบวกได้เปรียบ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” รมว.สาธารณสุข บอกว่าแล้วแต่จะแปล ในความหมายของคนทั่วไป “แกง” คือ เอามาปรุง แต่คนรุ่นใหม่อาจจะอีกมุมหนึ่ง

ส่วน “ผลัก” ใช้แรงกระทำให้มันออกไป แต่ท้ายสุดนำมา “รวม” คือ การรวมเพื่อประเทศซึ่งผลสัมฤทธิ์คือการรวมเพื่อประเทศชาติบ้าน

เช่นเดียวกับ “บิ๊กวี” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้รับฉายา “ทวี สอดไส้” เจ้าตัวระบุว่า ไม่ติดใจ และไม่เสียหายอะไร เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะก็แล้วแต่มุมมอง สังคมต้องดูเรื่องผลงานมากกว่า

ส่วนเจ้าพ่อลุ่มน้ำสะแกกรัง “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รมช.มหาดไทย ไม่น้อยหน้าใคร หลังรับฉายา “มาเฟียละเหี่ยใจ” ก็ครวญเพลง “หัวใจละเหี่ย” ของมาลีฮวนน่าท่อนที่ว่า “บางครั้งหัวใจละเหี่ย เหนื่อยท้อแท้นั่งเศร้าคนเดียว” ก่อนจะขึ้นตึกบัญชาการไปประชุม ครม.โดยทิ้งท้ายว่าเป็นเรื่องหยอกล้อกัน ไม่ถือสาอะไร ถือเป็นเรื่องสนุกสนาน

“สบายดีหรือเปล่า ข่าวคราวไม่เคยรู้…” เมื่ออยากรู้ชัดๆว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ป่วยทิพย์ หรือ ป่วยจริง อยู่ รพ.ตำรวจ ชั้น 14 หรือไม่ และทั้งๆ ที่รู้ว่า “ยาก” จะได้คำตอบ แต่ เดอะแจ๊ค “วัชระ เพชรทอง” อดีต สส.ประชาธิปัตย์ ก็เปิดยุทธการต่อเนื่อง “กัดไม่ปล่อย”

อ่าน : “วิษณุ” ชี้ช่อง “ยิ่งลักษณ์” กลับประเทศไทยเป็นคิวต่อไป

นอกจากจะเดินสายยื่นหนังสือร้องเรียน “สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ รมว.ยุติธรรม ต่อ ป.ป.ช.และศาลปกครองแล้ว ล่าสุดดั้นด้นไปยื่นหนังสือกับ “นายกฯ นิด” เศรษฐา ทวีสิน ผ่าน “พันศักดิ์ เจริญ” ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน ให้ตั้ง กก.สอบกรณีทักษิณไม่ได้จำคุกจริงแม้แค่วันเดียว

“เดอะแจ๊ค” ระบุว่าการได้อภิสิทธิ์ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจของ “ทักษิณ” แถมพ่วงด้วยการเร่งรัดออกระเบียบของ กรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2560 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการกระทำเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ “ทักษิณ” บิดาของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาตินั้น เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนของบุคคลในรัฐบาล

ยังไม่พอ “เดอะแจ็ค” ยังมอบ “ใบมะละกอ” ให้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกฯ ผู้เผยแพร่คลิปว่าใบมะละกอนำมาต้มรักษาโรคร้ายได้ จึงฝาก “สมศักดิ์” นำไปให้ “ทักษิณ” ที่ยังพักรักษาตัวใน รพ.อีกทอดหนึ่ง เพราะนอนนานถึง 126 วันแล้ว เพื่อที่จะหายป่วยกลับเข้าเรือนจำเสียที

อ่าน : ยกฟ้อง-เพิกถอนหมายจับ “ยิ่งลักษณ์” พ้นคดีเด้งเลขาฯ สมช.

ด้าน “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกฯ ที่เคยกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มายาวนาน จัดหนัก “ลูกน้อง” ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาแบบไม่ไว้หน้า “บิ๊กวี” พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม ตัวจริง แม้แต่น้อย แถมยังแขวะเรื่องข้าราชการเรียกว่า “เด็กฝาก” ที่เข้าไปทำงานโดยไม่เข้าใจระเบียบกฎเกณฑ์ทำให้ไม่ได้งานตรงตามเป้าหมาย

…เขาไม่ทำการบ้านให้ดี ถ้ารู้ไม่จริง ไม่เข้าใจ ก็กลัวและไม่กล้าทำอะไร โปรดทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ แล้วเดินหน้าต่อไปมันก็จบ…
…หน่วยงานทั้งหลาย ตอบได้ไม่เคลียร์ ไม่กล้าตอบ กลัวๆกล้าๆ เพราะไม่รู้ระเบียบกฎเกณฑ์อย่างแท้จริง ไม่ได้ทำการบ้าน ทำงานเช้าชามเย็นชาม ก็จะเป็นอย่างที่เห็น..เป็นคำตอบของ สมศักดิ์ เมื่อถูกนักข่าวถามประเด็น การปั่นกระแสนักโทษเทวดา ซึ่งขณะนี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภา

คุ้มหรือไม่ รัฐบาลไม่ได้ตอบ แต่เป็นคำถามของ “สมชาย แสวงการ” สมาชิกวุฒิสภา ว่าหากมีการทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3 ครั้ง ครั้งละ 3,500 ล้านบาท หรือจำนวนเงิน 10,500 ล้านบาท

ถัดมายังต้องมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย คาดว่าต้องใช้เงิน 5,000 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินเดือน ส.ส.ร. อีก 200 ล้านบาท เบ็ดเสร็จแล้วต้องใช้เงินประมาณ 15,700 ล้านบาท หรือมากกว่า จึงมีคำถามว่า คุ้มหรือไม่

สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่แตะหมวด 1 และ หมวด 2 ที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ นั้นมีพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ทั้งสิ้น 39 มาตรา อยู่ในหมวด 1 และ หมวด 2 จำนวน 11 มาตรา

ยังมีเหลืออีกหลายมาตราอยู่ในหมวดอื่นๆ ของรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลยังไม่ได้พูดถึงว่าจะทำประชามติและแก้ไขได้หรือไม่ หากเปรียบเทียบกับมีการร่างหรือแก้ไขในรัฐสภา

เป็นเรื่องที่น่าจับตาว่า “แกงส้ม ผลัก รวม” ของรัฐบาลเพื่อไทยปม “ทักษิณ ชินวัตร” และ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จะเดินหน้าต่ออย่างไร จะสะดุด ล้มคว่ำคะมำหงาย หรือราบรื่นไร้รอยต่อ ยาวววววไป

อ่าน : สายตรงตระกูลชิน “ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่