หน้าแรก Thai PBS “ศิริกัญญา” มอง “ภูมิธรรม” คุม กมธ.งบฯ มีเป้าการเมือง​แฝง

“ศิริกัญญา” มอง “ภูมิธรรม” คุม กมธ.งบฯ มีเป้าการเมือง​แฝง

86
0
“ศิริกัญญา”-มอง-“ภูมิธรรม”-คุม-กมธ.งบฯ-มีเป้าการเมือง​แฝง

วันนี้ (30 ธ.ค.2566) น.ส.ศิริกัญญา​ ตัน​สกุล​ สส.​บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล​ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปราย ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่จะมีการอภิปราย วันที่ 3-5 ม.ค.2567​ ว่า​ พรรคก้าวไกลได้ศึกษาวิเคราะห์งบประมาณออกมาแล้ว และได้ตั้งเป็นธีมขึ้นมาว่า​ “วิกฤตแบบใด​ ทำไมจึงจัดงบแบบนี้”​ เพราะหลังจากที่ได้ศึกษา ทั้งพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาล ไม่ได้พยายามจะตั้งงบมาเพื่อตอบโจทย์วิกฤตต่างๆ

ขณะที่ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้อ้างถึง 3 วิกฤต คือ วิกฤตเศรษฐกิจปากท้อง วิกฤตรัฐธรรมนูญ และ วิกฤตความขัดแย้ง อีกทั้งยังมีวิกฤตอื่นๆ ที่สังคมเห็นตรงกันว่าเป็นวิกฤต ทั้งวิกฤตทางด้านการศึกษา วิกฤตทรัพยากรมนุษย์ วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อลงไปดูในเรื่องงบประมาณ กลับไม่เห็นการจัดงบประมาณ ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตดังกล่าว

ขณะเดียวกันงบฯที่ควรนำมาใช้ตอบโจทย์ประชาชนกลับไม่มี​ แต่กลับพบว่างบฯที่ไม่เหมาะไม่ควรยังคงมีอยู่ อีกทั้งมีงบฯอีกหลายอย่างที่หายไป เช่น​ วิกฤตเศรษฐกิจ​ ที่หลายคนต้องการเห็นการกระตุ้น​เศรษฐกิจ​ แต่ไม่เห็นแนวทางที่จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจเลย อย่างเช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต งบประมาณก็ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ ซึ่งต้องไปรอลุ้นในวันที่ พ.ร.บ.เงินกู้ออก

น.ส.ศิริกัญญา​ ตัน​สกุล​ สส.​บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล​

น.ส.ศิริกัญญา​ ตัน​สกุล​ สส.​บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล​

เห็นใจ “เศรษฐา” รับมรดกหนี้ “พล.อ.ประยุทธ์” 

สำหรับการตั้งงบประมาณในการทำประชามติ​ มีการตั้งงบไว้เพียงกึ่งหนึ่ง​ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าไทม์ไลน์ที่แท้จริงจะออกมาอย่างไร​ จะจัดทำประชามติกี่ครั้ง และงบที่จัดไว้แต่เพียงพอหรือไม่ ยังมีงบฯอีกหลายเรื่อง ที่ต้องยอมรับว่ารัฐบาลนายเศรษฐา​ ทวีสิน จำเป็นจะต้องรับมรดกหนี้ จากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​

ทั้งหนี้สาธารณะจากการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งยังต้องมีการตั้งงบฯไปใช้ในเงินคงคลัง เนื่องจากรัฐบาลของ​ พล.อ.ประยุทธ์ มีการตั้งงบฯไว้ไม่เพียงพอ ที่สำคัญจำเป็นอย่างงบฯประจำ ซึ่งขณะนี้หนี้เงินคงคลัง 120,000 ล้านบาท​ แล้วยังมีหนี้ส่วนอื่นๆจากรัฐบาล​ พลเอกประยุทธ์ ที่จะต้องชดใช้เกือบ 400,000 ล้านบาท​ ซึ่งตนก็เห็นใจ แต่ส่วนที่เหลือที่สามารถจัดสรรงบประมาณได้เอง กลับไม่เห็นความพยายามที่จะขับเคลื่อนนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา รวมถึงนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน

น.ส.ศิริกัญญา​ ยังระบุอีกว่า รู้สึกผิดหวังกับการจัดสรรงบประมาณที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลก่อนหน้านี้​ พร้อมตั้งข้อสังเกต 2 ประการ

  1. เรื่องระยะเวลาที่ไม่สามารถใส่โครงการใหม่ๆเข้ามาได้ แต่ต้องยอมรับว่างบประมาณฉบับนี้ มีการแก้ไขปรับปรุงตลอดเวลา
  2. การเข้าสู่อำนาจของรัฐบาล ที่ต้องประนีประนอมกับหลายฝ่ายที่ร่วมรัฐบาล ทำให้หลายโครงการที่เป็นเรือธง อย่างเช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หรือ แจกแท็บเล็ต กลายเป็นไปอยู่ในมือของรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลแทน ถึงไม่สามารถขับเคลื่อนได้​ ซึ่งนี่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากการได้งบประมาณเพียง 4 วันเท่านั้น

ขณะเดียวกัน น.ส.ศิริกัญญา ยังมองว่า​งบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่จัดสรรมานั้น เป็นไปอย่างน่าผิดหวัง​ ที่ก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยได้มีการหาเสียงเอาไว้ว่าจะตัดลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ลงร้อยละ 10 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคืองบฯเพิ่มร้อยละ 2 ส่วนอื่นพอหาเหตุผลได้ เช่น​ กระทรวงมหาดไทยที่งบฯเพิ่มมาจำนวนมาก เพราะมาจากการจัดงบฯ เพื่อการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่น ต้องขึ้นลงตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ก่อนกล่าวว่าการจัดสรรงบประมาณในปีนี้ ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากสามารถคาดเดาได้จากมุขรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันหลายคนรู้สึกคาดหวังว่า ในรอบ 9 ปี ที่มีการเปลี่ยนผู้นำรัฐบาล งบประมาณจะถูกจัดสรรแบบใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถทำให้ขับเคลื่อนนโยบายที่หายเสียงไว้ นโยบายที่รัฐบาลได้สัญญากับประชาชน

แต่ขึ้นปีที่ 10 เรายังคงเจอการทำงานแบบเดิมๆ​

ห่วงรัฐบาลจัดสรรงบฯ ตามใจข้าราชการ

ส่วนเรื่องงบประมาณในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ไม่ถูกบรรจุในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลห่วงว่ารัฐบาลจะไม่ได้ทำ เพราะช่วงต้นปีหน้า คณะกรรมการกฤษฎีกา จะให้ความกระจ่างกับรัฐบาลว่าสามารถทำได้หรือไม่ แต่การเอาไข่ไปไว้ในตะกร้าเดียว เหมือนเป็นการฝากความหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจในนโยบายเดียว ซึ่งถ้าสุดท้ายทำไม่ได้เท่ากับว่าเงินที่เหลืออยู่ รัฐบาลจะสามารถจัดสรรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ ใช้ได้เพียงในงบกลางเท่านั้น

แต่ในงบกลางก็พบว่ามีการจัดสรรไว้อย่างไม่เพียงพอ รวมไปถึงยังมีอีกหลายโครงการที่ต้องใช้งบประมาณจากงบกลาง จากที่ตั้งไว้แล้ว พร้อมกับฝากไปยังรัฐบาล

อย่าจัดสรรงบประมาณตามใจข้าราชการ มากกว่าการทำตามนโยบายที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน

ส่วนได้มีการพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อแบ่งงานแล้วหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา​ ระบุว่า เร็วๆ นี้น่าจะมีการตกลงเรื่องเวลาในการอภิปราย แต่ขอให้รอฟังพรรคประชาธิปัตย์ทำการบ้านก่อน จึงจะมาจัดคิวในการอภิปราย โดยจะพยายามจัดสรรเรื่องที่ใกล้เคียงกันไว้ด้วยกัน ให้สอดคล้องกับทางรัฐบาลที่ได้ร้องขอ ให้การอภิปรายเป็นไปในประเด็นเดียวกัน เพื่อให้รัฐมนตรีได้ชี้แจงในครั้งเดียว โดยยืนยันว่าจะไม่มีการอภิปรายเป็นรายกระทรวง และยืนยันว่าผู้อภิปรายจากพรรคก้าวไกลทั้ง 33 คน จะอภิปรายเนื้อหาไม่มีซ้ำกัน

ส่วนระยะเวลาในการศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ น้อยเกินไปหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา​ ยอมรับว่าจะต้องทำงานหนักขึ้น เนื่องจากมีเวลาศึกษาเพียง 7 วัน ซ้ำร้ายยังตรงกับช่วงเทศกาลปีใหม่ ถึงไม่ได้หมายความว่าเราไม่อยากทำงาน หรืออยากหยุดพักผ่อน ตามปกติแล้ว สส.จะมีการรับงานไปพบปะประชาชนในพื้นที่ร่วมฉลองงานปีใหม่กับชุมชน สุดท้ายต้องยกเลิกนัดหมาย​

มั่นใจอภิปรายงบฯ ไม่ใช่เวทีซักฟอกแน่นอน

พร้อมย้ำว่าแม้จะมีเวลาน้อยแต่ต้องทำงานให้หนักขึ้น​ และยืนยันว่าระยะเวลา 7 วันนี้จะเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ให้ประชาชนผิดหวัง​ รวมไปถึง​ วันที่​ 31 ธ.ค.นี้ก็จะเปิดพรรคซักซ้อมการอภิปรายพร้อมกับนับถอยหลังเคาท์ดาวน์

แม้รัฐบาลได้มีการติง การอภิปรายงบประมาณไม่ให้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่าหากทางรัฐบาลได้ติดตามการทำงานของพรรคก้าวไกล ในการอภิปรายงบประมาณ

เวทีงบประมาณคือการอภิปรายงบประมาณไม่ใช่เวทีซักฟอกอย่างแน่นอน

พร้อมย้ำว่าเวทีนี้เป็นเวทีของการแถลงนโยบาย 1 ปี ของรัฐบาล ซึ่งก่อนเริ่มต้นที่รัฐบาลได้เริ่มแถลงนั้นเป็นระยะเวลาการดำเนินงาน 4 ปี​ แต่การอภิปรายงบเป็นวาระเพียง 1 ปี จะวิพากษ์เพียงการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินล้วนๆ​ ส่วนการซักฟอกอาจมีบางโครงการที่สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต​ อาจจะมีการพูดบ้าง แต่ไม่ใช่หลักใหญ่ใจความในการอภิปราย

แปลกใจ รมว.พาณิชย์ นั่งหัวโต๊ะ กมธ.งบประมาณ

ถามว่ามองอย่างไรที่ในการประชุม ครม. ครั้งที่ผ่านมา มีการมอบหมายให้ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์​ เป็นประธานกรรมาธิการงบประมาณ เนื่องจากธรรมเนียมปกติ รมว.คลัง จะต้องนั่งเป็นประธาน​ น.ส.ศิริกัญญา​ ระบุว่า​ รู้สึกประหลาดใจเนื่องจาก นายภูมิธรรม เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ไม่ใช่รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ หากจะเป็นนายปานปรีย์​ พหิทธานุกร​ หรือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธานก็ไม่น่าแปลกใจ

เมื่อถามย้ำว่า​การที่นายกฯ ​มอบหมายในนายภูมิธรรมนั่งเป็นประธาน​ สะท้อนว่าไม่ไว้ใจการทำงานของรัฐมนตรี​อื่นหรือไม่​ มองว่าอาจไม่ถึงขนานนั้น​ แต่ตั้งข้อสังเกตว่ามีวาระอะไรหรือไม่​ เมื่อให้นายภูมิธรรมมาควบคุมด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ไม่ได้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ​-การคลัง​ จึงมองได้ว่าเป็นเป้าหมายทางการเมือง​ ไม่ใช่เป้าหมายปกติ​ แต่จะไม่หยิบยกประเด็นดังกล่าวไปใช้ในการอภิปราย​ ให้โอกาสทดลองในการทำงานก่อน​

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่