หน้าแรก Thai PBS ศาลยกฟ้อง “พธม.” บุกสนามบินดอนเมือง สั่งปรับ 13 จำเลยคนละ 2 หมื่น

ศาลยกฟ้อง “พธม.” บุกสนามบินดอนเมือง สั่งปรับ 13 จำเลยคนละ 2 หมื่น

85
0
ศาลยกฟ้อง-“พธม.”-บุกสนามบินดอนเมือง-สั่งปรับ-13-จำเลยคนละ-2-หมื่น

วันนี้ (17 ม.ค.67) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาครั้งที่ 2 ในคดีกลุ่มพันธมิตรฯ บุกสนามบินฯ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และแนวร่วม รวม 32 คน เป็นจำเลยในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นกบฏก่อการร้ายฯ”

จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 24 พ.ย. – 3 ธ.ค.2551 จำเลยได้ร่วมกันโฆษณาชักชวนให้ประชาชนมาร่วมกันชุมนุมใหญ่ กระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ และปิดล้อมอาคารวีไอพี ท่าอากาศยานดอนเมือง แล้วนำจานรับสัญญาณของพวกจำเลยไปติดตั้งใกล้เครื่องรับสัญญาณเรดาร์ของบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และปิดกั้นสะพานกลับรถของกรมทางหลวง และได้ชุมนุมปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการด้วย เพื่อกดดันให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ลาออก

อ่านข่าว : ศาลเลื่อนอ่านพิพากษาคดี พันธมิตรชุมนุมสนามบิน ไป 17 ม.ค.67

ศาลใช้เวลาอ่านประมาณ 1 ชม. ได้พิเคราะห์แล้ว พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1-5 จำเลย 7-13 และ จำเลยที่ 31 ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิ ลิ้มทองกุล,นายพิภพ ธงไชย,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายศิริชัย ไม้งาม,นายสำราญ รอดเพชร, นางมาลีรัตน์ แก้วก่า, นายสาวิทย์ แก้วหวาน, นายสันธนะ ประยูรรัตน์,นายชนะ ผาสุกสกุล, นายรัชต์ชยุตม์ หรือ อมรเทพ หรือ อมร ศิริโยธินภักดี หรือ อมร รัตนานนท์ / และ บ.เอเอสทีวี (ประเทศไทย)จำกัด กระทำความผิดฐานบุกรุกและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2548 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักสุดคือความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2548 พิพากษาให้ลงโทษปรับ คนละ 20,000 บาท ส่วน ข้อหาอื่นพยาน และหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิด ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่เหลือศาลได้ยกฟ้องทั้งหมด

นายประพันธุ์ คูณมี หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังฟังคำพิพากษา ระบุน้อมรับในคำพิพากษาของศาลและยืนยันว่าการชุมนุมในครั้งนั้นเป็นการชุมนุมโดยสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ

นายประพันธุ์ คูณมี หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังฟังคำพิพากษา ระบุน้อมรับในคำพิพากษาของศาลและยืนยันว่าการชุมนุมในครั้งนั้นเป็นการชุมนุมโดยสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ

นายประพันธุ์ คูณมี ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังฟังคำพิพากษา น้อมรับในคำพิพากษาของศาลและยืนยันว่าการชุมนุมในครั้งนั้นเป็นการชุมนุมโดยสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ และยังบอกว่า คดีนี้อัยการยื่นฟ้องหลายข้อหา เช่น ข้อหาบุกรุก ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อหาก่อการร้ายชุมนุมโดยก่อการวุ่นวาย ข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงาน ต่อสู้ขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นต้น ศาลมองว่าการชุมนุมโดยรวมทั้งหมด เป็นไปด้วยความสงบปราศจากอาวุธอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นความผิดในฐานก่อการร้ายรวมถึงข้อหาอื่น ๆ ยกเว้นฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ ข้อหาข้อบุกรุก

อ่านข่าว : ศาลอาญาชี้ชะตา กลุ่มพันธมิตรฯ 28 คน บุกดอนเมืองปี 51 

ส่วนข้อหาก่อการร้ายที่ยกฟ้องนั้นเนื่องจากการนั้นไม่มีการใช้อาวุธทำลาย ระบบคมนาคมขนส่งหรืออากาศยาน จึงถือว่าไม่เข้าข่ายความผิด ในส่วนข้อหาบุกรุกซึ่งสถานที่ดังกล่าวมีการใช้เป็นการประชุม ครม.เป็นการชั่วคราวของรัฐบาลขณะนั้น ซึ่งช่วงที่พันธมิตรเคลื่อนขบวนเข้าไป ได้มีเข้าไปในห้องประชุมที่ใช้ในการประชุมจริง ศาลจึงมองว่า เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ จึงเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก

อ่านข่าว : ราชกิจจาฯเผยแพร่คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด 11 แกนนำพันธมิตรฯ

สำหรับบรรยากาศ การอ่านคำพิพากษาทางศาลได้มีการวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ จำเลย 2 คนคือนายจำลอง ศรีเมือง และนายเทิดทูน หรือเกิดภูมิไท ใจดี ที่ป่วยอยู่โรงพยาบาล ส่วนจำเลย อีก 30 คน ที่เหลือเดินทางมายังศาลครบทุกคน

อ่านข่าวอื่นๆ

ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง”แกนนำพันธมิตรฯ” ปิดล้อมสภาฯ ปี 2551  

 

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่