หน้าแรก Voice TV นายกฯ ดีใจผลหารือศรีลังกา เผย 2 ชาติเห็นโอกาสการลงทุนร่วมกัน

นายกฯ ดีใจผลหารือศรีลังกา เผย 2 ชาติเห็นโอกาสการลงทุนร่วมกัน

78
0
นายกฯ-ดีใจผลหารือศรีลังกา-เผย-2-ชาติเห็นโอกาสการลงทุนร่วมกัน

นายกฯ ดีใจผลหารือเยือนศรีลังกา ลุล่วงด้วยดี เผย 2 ชาติเห็นโอกาสการลงทุนร่วมกัน เล็งให้ ปตท-บ.พลังงาน ไทย ไปลงทุนเทคโนโลยีพลังงานสะอาด พร้อมตั้งโรงงานอาหารทะเล

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง สัมภาษณ์ถึงผลการเยือนประเทศศรีลังกา ว่า ผลการเยือนสำเร็จลุล่วงดีมาก ซึ่งตนดีใจเพราะว่าเป็นกลุ่มประเทศ เขตการค้าเสรี (FTA) ที่รัฐบาลเซ็นมาได้ในทุกมิติ ซึ่งก็ต้องขอบคุณกระทรวงพาณิชย์กระทรวงการต่างประเทศที่ทำงานหนัก โดยมีการหารือกับภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลศรีลังกา ซึ่งก็เห็นโอกาสในการที่ทั้งสองประเทศจะพัฒนาและสารความร่วมมือให้ดีขึ้น ทั้งเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องมีเรื่องที่สานต่ออีกเยอะ

ทั้งนี้การเดินทางเยือนศรีลังกาถือเป็นครั้งแรกของตน ซึ่งก็เหมือนทุกประเทศที่ตนไปมาคือบอกว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเปิดรับการลงทุน รวมถึงต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ในส่วนที่พูดน้อยไปหน่อยคือเรื่องศักยภาพของเอกชน หรือบริษัทใหญ่ๆของไทย รวมถึงรัฐวิสาหกิจอาทิ ปตท. ที่มีศักยภาพสูงในการลงทุนข้ามชาติ โดยได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของประเทศศรีลังกาที่ต้องการพลังงานสะอาดที่มีเยอะ

โดยมีหลายเขื่อนในประเทศที่สามารถทำระบบโซล่าเซลล์ได้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ตนจะเรียนเชิญ CEO และประธานกรรม บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มาหารือว่าจะทำอย่างไร ในการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งมีอีกหลายประเทศที่ต้องการเทคโนโลยีของไทย ที่เราอาจจะมีเยอะกว่าเขา ก็ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีในการสานต่อการลงทุนข้ามชาติ

เศรษฐา เปิดเผยอีกว่า จะมีข่าวดีโดยในวันที่ 31 มีนาคมในปีนี้ ซึ่งการบินไทย ก็จะกลับมาเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศศรีลังกาอีกครั้งหนึ่ง เพราะจากการพูดคุยกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องก็ทราบว่าในช่วงที่มีการบินอยู่ผู้โดยสารก็เต็มลำ วันนั้นก็หวังว่าจะสามารถสานสัมพันธ์ต่อได้

เมื่อถามว่า ในแง่ของการลงทุนที่ศรีลังกา มีอุปสรรค หรือต้องการให้ทางการไทยช่วยหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ไม่มี ก็ขาดแคลนเพียงด้านเทคโนโลยี ขณะที่เรื่องของการประมงก็จะมีการหารือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ส่วนภาคเอกชนก็จะมีการพูดคุยกันเองเพราะศรีลังกามีทรัพยากรทางน้ำเยอะมาก แต่วิธีการหรือเทคโนโลยีในการจับปลายังน้อยอยู่ ฉะนั้นถือเป็นช่องทางที่จะทำให้เอกชนไทยไปลงทุนได้ หรืออาจจะมีการพิจารณาตั้งโรงงานผลิตอาหารทะเลกระป๋องก็มีความเป็นไปได้สูง และหลังจากนี้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ก็จะเป็นผู้ดำเนินการต่อ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่