3 เม.ย. ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) ในญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ ม.152
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในประเด็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล โดยระบุว่า จากข้อมูลของตำรวจ เดือนมีนาคม 2565-มิถุนายน 2566 คาดว่าขบวนการเหล่านี้สร้างความเสียหาย 285,000 คดี มูลค่าไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท ความเสียหายนี้เยอะกว่างบรายจ่ายของ 8 กระทรวงรวมกันเสียอีก
ทั้งนี้ ในปี 2563 มีสายหลอกลวง 1.7 ล้านสาย ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านสาย หรือ 10 เท่าภายใน 2 ปี
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า หากพิจารณากระบวนการติดตามเอาเงินคืนเอาติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษ พูดตรงๆ ว่ายากลำบาก เพราะธุรกิจนี้เขาใช้บัญชีม้าในการรับโอนเงิน ทำให้ธนาคารเวลาอายัดบัญชีก็อายัดได้แค่บัญชีเปล่าๆ หากจะนำไปสู่การขยายผลเพื่อจับกุม สุดท้ายก็สาวไม่ถึงตัวการใหญ่ การจะขยายผลต้องอาศัยการประสานงานกับรัฐบาลประเทศนั้นๆ ถ้าประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้ความร่วมมือก็แทบเป็นไปไม่ได้
“ข้อมูลที่ผมได้รับจากหน่วยงานความมั่นคง ยืนยันตรงกันว่า หนึ่งในเส้นทางการเงินของบัญชีม้าจะถูกโอนไปที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ของสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์หลายขบวนการ โดยในปี 2562 ด้วยแรงกดดันของทางการจีนที่ได้รับผลกระทบจากแก๊งเหล่านี้ ทำให้เกิดการทลายอย่างจริงจัง ส่งผลให้มิจฉาชีพเหล่านี้ต้องหนีไปอยู่บ่อนกาสิโนในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยที่ติดอาวุธในเมียนมา มีอำนาจในการปกครอง มีกองกำลังเป็นของตัวเองที่จะคุ้มครองเหล่ามิจฉาชีพ ขณะเดียวกัน ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ก็สมประโยชน์ เพราะตัวเองก็ต้องการเงิน จากการเช่าที่ของเหล่ามิจฉาชีพเหล่านี้ เพื่อเอาเงินไปซื้ออาวุธและต่อสู้ในสงครามกลางเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้ นำไปสู่อภิมหาขบวนการสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่ซับซ้อน เป็นระบบ ยากต่อการทลายมากที่สุดที่เคยมีมา
“ผมมีโอกาสพูดคุยกับชายคนหนึ่ง เขาถูกหลอกไป ในช่วงโควิด 19 เขาตกงาน เจอประกาศในเฟซบุ๊กรับสมัครขายของออนไลน์ที่เมียนมา เขาตัดสินใจกับแฟนที่จะลองไปเสี่ยงโชค สุดท้ายเมื่อไปถึง ปรากฏว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์มารับ และพาตัวเขาใส่ใต้ท้องรถไปที่เล่าก์ก่าย ไปถึงนายจ้างชาวจีนจับตรวจร่างกาย และพบว่าผู้หญิงกำลังตั้งท้องอ่อนๆ โดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน นายจ้างจีนบอกว่าถ้าอยากทำงานด้วยกัน ผู้หญิงต้องทำแท้ง ถ้าไม่ การทำงานจะต้องทำคนละส่วน ให้เวลา 1 คืนในการตัดสินใจ แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ คืนนั้นนายจ้างจีนเอาผู้หญิงไปทำแท้ง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น”
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า นอกจากคนไทย ยังมีหญิงชาวเคนยา 3 ราย หนึ่งในนั้นคือครูฝึกหัดในโรงเรียนมัธยมประเทศเคนย่า ถูกขบวนการนี้หลอกให้มาทำงานเป็นครูสอนภาษาในประเทศไทย ปรากฏว่าเมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เธอถูกขายไปที่เมียวดีเพื่อไปเป็นโรแมนซ์สแกม ต้องปลอมตัวเป็นคนอื่น ใช้แอพฯ หาคู่ทั้งหลายไปจีบให้คนรัก และหลอกมาลงทุนในดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่นายจ้างจีนสร้างขึ้นมา
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ผู้เสียหายในขบวนการนี้เพิ่มขึ้นทวีคูณ ทั้งเหยื่อที่ถูกหลอกเงิน และเหยื่อที่ถูกบังคับให้เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ความเสียหายแบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก นายกฯ ทราบไหมว่าประเทศไทยกลายเป็นประตูของปากนรกขบวนการเครือข่ายสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ไปเสียแล้ว พร้อมยกกรณีการช่วยเหลือเหยื่อฆ่ามนุษย์ที่เล่าก์ก่าย โดยระบุว่า ไม่ได้เป็นการริเริ่มโดยทางการไทย แต่เกิดสงครามกลางเมือง คนไทยเหล่านี้ต้องขอความช่วยเหลือ
“ภายหลังเล่าก์ก่ายแตก ขบวนการสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ได้สมคบกันที่เมียวดี และส่งเสริมให้เป็นแหล่งที่ใหญ่ยิ่งขึ้น โดยที่นี่จะคือบทพิสูจน์สำคัญของรัฐบาล ว่าตกลงแล้ว นโยบายที่ท่านพูดในสภาและเว็บไซต์พรรคเพื่อไทย จะจริงจังแค่ไหน เมียวดีจะเป็นคำตอบ”
รังสิมันต์ อภิปรายต่อถึงกรณีเมียวดีว่า กำลังเป็นแหล่งอาชญากรรมที่เฟื่องฟู เพราะว่า
- เมืองเมียวดีอยู่ติดแม่สอด จังหวัดตาก
- มีไฟฟ้า น้ำมัน อินเตอร์เน็ต จากไทยส่งไปให้ตามช่องทางธรรมชาติมากมาย
- เจ้าหน้าที่รัฐของประเทศไทยคุยง่าย
“ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ผลกระทบจะเกิดขึ้นประเทศไทยด้วย เพราะเราจะเป็นประเทศที่ส่งเสริมสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้” รังสิมันต์
รังสิมันต์ กล่าวถึงข้อมูลที่ได้รับจากภาคประชาสังคมโดยกล่าวว่า เมืองเมียวดี มีบ่อนกาสิโนมากมายที่พ่วงสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ในนั้น จะมีกาสิโนประมาณ 34 แห่ง โดยรายสำคัญๆ คือ ชเวโก๊กโก่ โดยบริษัท Yatai International Holding Group (IHG) โดยมีรายงานว่า ชเวโก๊กโก่ มีที่ดิน 75,000 ไร่ มีเจ้าของชื่อเสอจื้อเจียง ที่ถูกจับในประเทศไทยด้วยหมายจับของทางการจีน และมีข่าวว่า ตอนที่ถูกจับเขากำลังทานข้าวกับชนชั้นสูงของประเทศไทย
รังสิมันต์กล่าวว่า บริษัทของเสอจื้อเจียงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองท้องถิ่นในแม่สอด และนักการเมืองระดับชาติ โดยบริษัทนี้ เคยมาพรีเซนต์งาน กมธ. สถานบันเทิงครบวงจร (entertainment complex) เมื่อสภาชุดที่แล้ว ไม่รู้ใครเอามา แต่ข่าวแว่วๆ ว่าน่าจะเป็นนักการเมืองของพรรครัฐบาล ดังนั้น เราจะเห็น โครงการและทุนสีเทาพวกนี้พยายามเข้ามาแทรกแซงในประเทศไทย
รังสิมันต์ ยังกล่าวถึง KK Park ที่มีขนาดกว่า 12,500 ไร่ ลงทุนโดยบริษัทตงเหมยกรุ๊ป (Dongmei group) ซึ่ง KK Park เป็นกลุ่มธุรกิจสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ 100% โดยโครงการนี้มีจำนวนสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ 120,000 คน และเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ของภูมิภาค โดยเจ้าของธุรกิจนี้ชื่อ หวัน ค็อกคอย หรือ ไอ้ฟันหลอ หนึ่งในหัวหน้ามาเฟียชาวมาเก๊า โดย KK Park สามารถเข้าข้ามไปจากฝั่งไทยง่ายๆ ตม. ก็ไม่มี ไร้ศุลกากรควบคุม ยังมีทุนจีนอีกกลุ่มชื่อเมืองใหม่หวันหยา อินเตอร์เนชั่นแนล เนื้อที่กว่า 1 หมื่นไร่ โดยที่แห่งนี้เคยมีชาวบ้านพบศพที่ปราศจากอวัยวะภายในอยู่ใกล้ๆ โครงการเมืองใหม่หวันหยา โครงการนี้ลงทุนโดยบริษัทแห่งหนึ่ง จดทะเบียนในประเทศไทย มีออฟฟิศที่แม่สอด จังหวัดตาก คาดว่าบริษัทนี้พยายามแทรกซึมมาประเทศไทย เพื่อหาลู่ทางทำกาสิโนต่อไป เจ้าของโครงการนี้พื้นเพเป็นคนไต้หวัน แต่ปัจจุบันได้สัญญาณไทย
“ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทยช่วยตรวจสอบหน่อยได้ไหม ว่าเราไปให้สัญชาติไทยแบบนี้ได้อย่างไร”
รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า เหตุที่โครงการเหล่านี้อยู่รอดปลอดภัย อาจจะเป็นเพราะในเมืองเมียวดี มีธุรกิจกาสิโนของคนไทยเช่นเดียวกัน อย่างน้อยๆ 17 กาสิโนที่คนไทยเป็นเจ้าของหรือหุ้นส่วน ตัวอย่างเช่น
- เมียวดีคอมเพล็ก เจ้าของเป็นนายตำรวจยศพลตำรวจตรี ชื่อย่อ อ. ปัจจุบัน รับราชการอยู่ ร่ำรวยมาก
- สกายคอมเพล็ก มีอดีตร้อยตำรวจตรีเป็นเจ้าของ เคยมีข่าวฉาวจากการเปิดบ่อนในประเทศไทยมาแล้ว
- สตาร์คอมเพล็ก เจ้าของชื่อเสี่ยตือ ว่ากันว่าเป็นผู้กว้างขวางทั้งในไทยและต่างประเทศ
นอกจากนี้ รังสิมันต์ ยังระบุว่า บางบ่อนในละแวกดังกล่าว ยังมีบ่อนของคนไทยที่มีเจ้าของเป็นอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม
“นี่หรือเปล่า ที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดการที่เมียวดี และเป็นเหตุผลให้รัฐบาลเพิกเฉยหรือเอาจริงเอาจังกับสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ เพราะสุดท้าย แหล่งเงินเหล่านี้ก็จะไปถึงเครือข่ายของพวกตัวเอง”
รังสิมันต์ ยังชี้อีกประเด็น คือในอดีตประเทศไทยได้ขายไฟฟ้าผ่านบริษัทผู้นำชนกลุ่มน้อยที่มีอิทธิพลในเมืองเมียวดี โดยในเดือนมิถุนายน 2566 รัฐบาลทหารเมียนมาได้ติดต่อทางการไทยเพื่อขอยกเลิกสัมปทานหลังจากเจอแรงกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลจีน หากข้อมูลข่าวสารในเวลานั้นเป็นความจริง หมายความว่า เราได้ตัดไฟตามคำขอของรัฐบาลเมียนมาแล้ว
รังสิมันต์ เปิดข้อมูลว่า ไม่กี่ร้อยเมตรจากบ่อน KK Park มีการโยงสายไฟข้ามแม่น้ำไปจากฝั่งไทยไปฝั่งเมียนมา บางสายลอดใต้แม่น้ำเมยเพื่อเชื่อมไปยังฝั่งเมียนมา เครือข่ายสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตของประเทศไทยไปหลอกคนทั่วโลก
“เราปล่อยให้สัญญาณเน็ต สัญญาณโทรศัพท์ของบ้านเราไปส่งเสริมขบวนการเหล่านี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะเสาทางฝั่งไทยริมแม่น้ำเมยที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับโครงการเหล่านี้ มีใครรู้และเป็นใจให้กับธุรกิจเหล่านี้หรือเปล่า”
ในช่วงท้ายรังสิมันต์ เสนอมาตรการต่อรัฐบาล ดังนี้
1. ยกระดับมาตรการจัดการกับแก๊งเหล่านี้เป็นวาระแห่งชาติ ไม่ว่าการทูตหรือการทหาร ศึกษาได้จากโมเดลของประเทศจีนว่าทลายเครือข่ายเหล่านี้ได้อย่างไร เจรจากับรัฐบาลทหารเมียนมาอย่างไร ยืนยันว่าการรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องเป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนไทยด้วย จึงต้องใช้ทุกเครื่องมือที่ดี ไม่ยอมให้ขบวนการเหล่านี้ทำงานที่หลังบ้านของเรา
2.ทำให้พื้นที่ชายแดนมั่นคงปลอดภัย จุดผ่านแดนหลายจุด มีแค่เพียงศุลกากรเท่านั้น หลายจุดไม่มีใครเลย ทั้งที่ความเป็นจริงถูกใช้เดินทางเข้าออกเพื่อไปเล่นพนัน ทำงานสีเทาอื่นๆ
3.ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตต้องไม่ตกไปอยู่กับกลุ่มผิดกฎหมายในเมียวดี ไทยต้องระงับไว้เพื่อป้องกันความเสียหายจากแก๊งเหล่านี้ ต้องทำให้ไปถึงเจ้าของบ่อนให้น้อยที่สุด
4. นายกฯ จำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้องว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบเอาผิดข้าราชการที่ทุจริตเพื่อป้องกันธุรกิจผิดกฎหมายดำเนินการสะดวกผ่านการใช้เส้นสายทางราชการของไทยอีกต่อไป
รังสิมันต์กล่าวว่า เรื่องนี้หากจะสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศ ตำรวจและทหาร ตามนโยบายที่นายกฯ เคยแถลงกับรัฐสภาแห่งนี้จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ อะไรคือความคืบหน้า คำมั่นสัญญาวจะวางระบบป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพไม่ผ่าน อาจบอกว่ายังไม่ได้ใช้งบ เช่นนั้นขอทราบแผนว่าคืออะไร
“ตลอด 7 เดือนของรัฐบาลนี้คือความสูญเปล่าด้านความมั่นคงของประเทศไทย” รังสิมันต์กล่าว
รมว.ดีอี ขอบคุณข้อมูล ทำแล้วบางส่วน เร่งแก้ปัญหาต่อ
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ชี้แจงต่อการอภิปรายของรังสิมันต์ โรม สว.พรรคก้าวไกลว่า ขอขอบคุณรังสิมันต์ที่ได้ลงรายละเอียดค่อนข้างลึกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในเมียนมา และให้ข้อมูลหลายอย่างที่จะเป็นประโยชน์กับการทำงานต่อไป
ประเสริฐกล่าวว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาของทุกประเทศในกลุ่มอาเซียน การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อปลายปีที่แล้ว นายกฯ ได้เดินทางไปกัมพูชาและหารือเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์รูปแบบต่างๆ และวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา นายกฯ กัมพูชาก็เดินทางมาพูดคุยเรื่องเหล่านี้เช่นกัน
ประเสริฐกล่าวว่า ปัญหาหลายอย่างที่พูดมา จากการเปิดศูนย์ปฏิบัติการ AOC เราใช้เวลา 2-3 เดือนแต่ละเคส ในการขยายผลไปถึงขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ วันนี้ก็เพิ่งมีการจับกุมสืบสวนสอบสวนเช่นกันในจังหวัดเชียงราย ส่วนที่จังหวัดศรีธรรมราชที่มีการจับกุมใหญ่ เป็นการบูรณาการระหว่างหลายหน่วยงาน จับกุมทั้งคนไทยและคนต่างชาติราว 90 คน เราพบตัวการในประเทศไทย เป็นนักการเมืองระดับท้องถิ่น ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานและจะเชื่อมโยงไปตัวการใหญ่กว่านั้น รวมถึงทุนจีนหรือทุนต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลัง
รมว.ดีอีกล่าวต่อว่า กรณีเล่าก์ก่าย คนไทย 111 คนที่เดินทางไปพบว่า มีประมาณ 10 คนที่มีหมายจับอยู่เกี่ยวกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ อีกหลายสิบคนเต็มใจไปก็มี ถูกหลอกลวงไปก็มี ตำรวจกำลังทำงานร่วมกับดีอีในการขยายผลในเรื่องต่างๆ
ประเสริฐ ยืนยันว่า หากมีนายตำรวรจใหญ่ นักการเมือง หรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลจะไม่ปล่อยแน่นอน เราจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดและเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนว่าต้องเกรงใจใครหรือไม่ตามที่รังสิมันต์ตั้งคำถามนั้น ชี้แจงว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับคนไทยรัฐบาลต้องทำ แม้เหตุการณ์จะอยู่ต่างประเทศ เราก็มีการจับกุมอยู่ในฝั่งไทยและมีการทำงานในทางลับกันอยู่
ส่วนข้อเสนอแนะนั้น รมว.ดีอีกล่าวว่า รัฐบาลยินดีจะรับไปพิจารณา หลายอย่างรัฐบาลทำแล้ว เรื่องจุดผ่านแดนธรรมชาติที่ต้องกวดขันมากขึ้น ระบบไฟฟ้าอินเทอร์เน็ตต้องไม่ใช้ในสิ่งผิดกฎหมาย เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ดีอีทำงานร่วมกันอยู่กับตำรวจ เราสามารถจับกุมและยึดทรัพย์ได้พอสมควร
หลังจากนั้น รังสิมันต์ลุกขึ้นกล่าวตอบว่า ข้อให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรณีเล่าก์ก่าย คนไทยที่ไปไม่ได้ผ่านด่าน ตม. จึงระบุตัวเลขยากมาก ดังนั้นรัฐบาลต้องไม่เริ่มต้นว่า กลับมาแล้วจะดำเนินคดี ต้องมีการคัดกรอง และให้ข้อมูลอีกกว่าบางครั้งมีการเรียกรับส่วยเจ้าหน้าที่ จึงอยากให้นายกฯ กำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไม่ทำแบบนี้ ส่วนเรื่องบัญชีม้าสำคัญมาก ตัวเลขล่าสุดที่สืบทราบมาคือ มีประมาณ 4 แสนบัญชี ตอนนี้ไม่มีการดำเนินการจริงจังอีกแล้ว ดังนั้น อย่างน้อยต้องปิดบัญชีม้าให้ได้เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งฟอกเงิน
“สิ่งที่นายกฯ ทำได้เลยคือ จุดผ่านแดนต่างๆ สั่งตำรวจได้เลย มีท่าใหญ่โตมโหฬารที่เมียวดี ถ้าก่อสร้างถูกต้องต้องมีหน่วยงานดูแล ผมอยากเห็นเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งแปลว่าต้องใช้ทรัพยากรทั้งหมด จากที่เป็น กมธ.ได้คุยกับหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วย เรามีศักยภาพที่จะทำ แต่ต้องใช้คนให้เป็นและต้องมีงบประมาณให้เขา ถ้าท่านทำงบประมาณแบบเดิมจะแก้ปัญหาไม่ได้ จึงคาดหวังว่างบปีถัดไปจะทำอย่างมีประสิทธิภาพ” รังสิมันต์กล่าว