วันนี้ (29 เม.ย.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดห้องสีม่วงบนตึกไทยคู่ฟ้าแจงสื่อมวลชน เคารพการตัดสินใจที่นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกมนตรี และรมว.ต่างประเทศลาออกว่า
เคารพในการตัดสินใจของนายปานปรีย์ และรู้จักกันมาหลายสิบปีและส่วนตัวไม่มีปัญหาอะไร
นายเศรษฐา กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนหน้าที่รัฐมนตรีต่างๆ ในภาพรวมก็ย่อมมีผู้ที่เสียใจผิดหวัง ไม่สมหวัง แต่อยากจะโฟกัสในช่วง 7-8 เดือนในเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ
ยืนยันส่งข้อความไปถึงนายปานปรีย์ ในกลุ่มการต่างประเทศว่าขอโทษถ้าทำให้ไม่สบายใจเรื่องอะไร และขอบคุณที่ช่วยงานกันมา
นอกจากนี้นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาได้มีการเชิญหลายคนมาพูดคุยกัน และนายปานปรีย์ ก็เข้ามาพูดคุย และเป็นการพูดคุยกันแค่ 2 คน
เชื่อว่าอาจไม่ใช่แค่นายปานปรีย์ เพียงคนเดียว อาจจะคนอื่นๆ ที่อาจจะสมหวัง และไม่พอใจ อาจเป็นเรื่องของความเห็นต่าง และตัวเองรับผิดชอบ จุดมุ่งหมายคือเอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ต้องมีการพูดคุยกัน
ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า กำลังพิจารณาและประสานให้คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ขอยังไม่เปิดเผย ยอมรับเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของพรรคเพื่อไทย
สำหรับกรณีของรัฐมนตรีที่ถูกปรับเปลี่ยนกำลังพิจารณาหาตำแหน่งเก้าอี้ที่เหมาะสม เพื่อช่วยในการทำงานเป็นทีมไทยแลนด์ ส่วนที่มีการมองว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ ผิดฝาผิดตัว ก็แล้วแต่คนจะมอง แต่ตนมั่นใจว่าถูกฝาทุกตัว
อ่านข่าว “ปานปรีย์” ประกาศลาออก รมว.ต่างประเทศ
พร้อมรับผิดชอบรัฐมนตรีผิดหวัง
ส่วนรัฐมนตรีของพรรคที่ถูกปรับออกไป ก็ได้มีการพูดคุยเตรียมงานไว้รองรับ ยืนยัน ไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่ง ได้มีการพูดคุยกันในพรรคตลอด เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อม และพูดคุยกันหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนรัฐมนตรี รับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย
ในส่วนรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยที่ถูกปรับออกไป ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายไชยา พรหมา นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ต่างเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งตนเองเคยพูดกับ นพ.ชลน่านว่า เป็นคนประสานในการลงพื้นที่ ปราศรัยพบประชาชน ได้ต่อสู้ร่วมกันมา
ยืนยันว่าการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวหรือมีความขัดแย้ง แต่เข้าใจว่ามีความผิดหวัง แต่จะมีการพูดคุยกันเพื่อเดินไปข้างหน้าได้ ยอมรับว่ารัฐมนตรีมีทั้งจุดแข็งและสิ่งที่ต้องปรับปรุง ก็รับฟังความคิดเห็นจากรัฐมนตรีที่ทำงานมาด้วยกัน และถูกเปลี่ยนกระทรวง หรือ เข้ามารับหน้าที่ใหม่ หากมองเห็นว่าตนเองมีความบกพร่องจุดไหน ก็จะนำไปพิจารณาและแก้ไขปรับปรุง
ด้านนายปานปรีย์ ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.) ภายหลังมีเอกสารว่าลาออกว่า การตัดสินใจลาออกจากเป็นเอกสารจริงไม่ได้น้อยใจ แต่คิดว่าการดำเนินการครั้งนี้ผิดปกติไปนิดหนึ่ง เพราะโดยปกติ รมว.การต่างประเทศ ที่ผ่านมา จะมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่เป็นไร แล้วแต่นโยบาย เป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ใช่มนุษย์ต่อรอง
“อนุทิน” เชื่อ กระแสวิจารณ์ ปรับ ครม.ไม่กระทบภาพลักษณ์รัฐบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายหลังการปรับคณะรัฐมนตรี อาจจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล ว่า “ไม่หรอก” เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ มาแล้วก็เป็นไปตามนั้น
ส่วนหน้าตาคณะรัฐมนตรีที่ออกมา เชื่อว่านายกรัฐมนตรีพิจารณาเป็นอย่างดีแล้ว ครม.อยู่ ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี ทุกอย่างก็เดินหน้าต่อไป ทำนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชนให้เร็วที่สุด คือเป้าหมาย
ขณะที่การวิพากษ์วิจารณ์ตำแหน่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายอนุทินย้ำว่าต้องเคารพการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี และที่สำคัญเมื่อมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ มาแล้วทุกอย่างต้องจบ จะไปวิพากษ์วิจารณ์ทำไม
ส่วนที่เป็นปัญหากรณีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้เป็นปัญหา ซึ่งนายปานปรีย์ ได้ให้เหตุผล ทุกคนมีสิทธิ์คิดเป็นตัวของตัวเองได้หมด ซึ่งเมื่อเช้านี้ตนได้คุยกับนายปานปรีย์ ก็ได้ให้เหตุผลตามที่ให้สัมภาษณ์ก็ต้องเคารพการตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แต่ตำแหน่งรองนายกฯ ถือว่ามีความสำคัญต่อ การทำงานของ รมว. นายอนุทิน ย้ำว่า ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
เมื่อท่านมีความคิดว่า ไม่ควรเหลือเพียงตำแหน่งเดียว การที่จะอยู่แล้วไม่ให้ความร่วมมือเพราะทำงานไม่เต็มที่ ก็แสดงสปิริตด้วยการออก เป็นสิ่งที่น่าชมเชย แต่เรื่องนี้ต้องไปถามเจ้าตัวถามตนไม่ได้ เพราะคนเราคิดไม่เหมือนกัน
อ่านข่าวอื่นๆ
โปรดเกล้าฯ ครม.เศรษฐา 1/1 “พิชัย” คุม “คลัง” ดัน”สมศักดิ์”นั่ง สธ.แทน”ชลน่าน