หน้าแรก Voice TV 'นายกฯ' ร่วมอีเวนต์ใหญ่เพื่อไทย ยอมรับ รบ.ไม่เก่งวาทกรรม แต่เดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน

'นายกฯ' ร่วมอีเวนต์ใหญ่เพื่อไทย ยอมรับ รบ.ไม่เก่งวาทกรรม แต่เดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน

90
0
'นายกฯ'-ร่วมอีเวนต์ใหญ่เพื่อไทย-ยอมรับ-รบ.ไม่เก่งวาทกรรม-แต่เดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน

‘นายกฯ เศรษฐา’ ร่วมอีเวนต์ใหญ่เพื่อไทย ’10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10′ ยอมรับตั้งรัฐบาลด้วยความเจ็บปวด ไม่เก่งวาทกรรม แต่เดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน เชื่อ 4 ปีรัฐบาลชีวิตคนไทยต้องดีขึ้น

วันที่ 3 พ.ค.67 เวลา 9.25 น. ที่พรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ เป็นการแสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้านโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเข้าสู่เดือนที่ 9 พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต โดยภายในงาน มีแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมถึง คณะรัฐมนตรีสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรค ผู้บริหารพรรค , สส. ,ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของพรรคเพื่อไทย และ บุคลากรของพรรค เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

โดยนายกฯ ได้ลาราชการครึ่งวันช่วงเช้าวันนี้ เพื่อร่วมกิจกรรมก่อนขึ้นปาฐกถา หัวข้อ “4 ปีรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ เติมประเทศไทยให้เต็ม 10” โดยกล่าวว่าในช่วงที่มีการเข้ามาในบ้านนี้ ตั้งแต่การหาเสียงรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งไปจนถึงการจัดตั้งรัฐบาล ขอใช้คำว่าเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวด และมีการทำอะไรหลายอย่างที่อาจจะดูขัดสายตา และหลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เรื่องของวาทกรรมต่างๆนั้น ยอมรับว่าพูดไม่เก่ง แต่เมื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยเพื่อไทยเป็นแกนนำได้สำเร็จ รัฐบาลนี้ได้มุมานะในการทำงานเพื่อประชาชนทุกคน เป็นการทำงานอย่างเต็มที่เท่าที่สามารถทำได้ และใน 10 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นที่ประจักษ์

ย้อนไปเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลก็อยูในช่วงฤดูฝน มีน้ำท่วมตลอดเวลาซึ่งได้มีการพูดคุยกับอธิบดีกรมชลประทาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แม้จะอยู่กันคนละพรรค แต่การทำงานแก้ปัญหาก็สำเร็จไปได้ด้วยดี รวมถึงสถานการณ์พื้นที่ชายแดนภาคใต้และความมั่นคงดูแลก็มีสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีการดูเรื่องการสร้างความมั่งคั่งทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่มีรายได้เป็นอย่างมาก

นายกฯ ยังระบุถึงการทำงานเรื่องการแก้หนี้นอกระบบ แก้ปัญหาความยากจน แก้ปัญหายาเสพติด รวมถึงเรื่องการท่องเที่ยว ที่เป็นตัวผลักดันรายได้เข้ากระเป๋าพี่น้องประชาชน เรื่องการแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรทั้งเรื่องพืชเศรษฐกิจหลักและพืชรอง ซึ่งเราต้องดูแลพี่น้องเกษตรกรทุกจังหวัดโดยรวมทั้งได้ผลักดันการค้าเสรีระหว่างประเทศ FTA หลังจากเดินทางไป 14 ประเทศ รวมถึงเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัฐบาลก็ผลักดันให้เกิดขึ้น ถ้าไม่ได้รัฐบาลที่มาจากประชาชนจะเป็นอย่างไร

นายกฯ ยังกล่าวถึงเรื่องการแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า ที่รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยได้ผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด และมีการประสานฝ่ายความมั่นคง, องค์กรปกครองท้องถิ่นและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการแก้ปัญหาจึงเห็นผลที่ชัดเจน นอกจากนี้ภายใต้การผลักดันของรัฐบาลได้มีการผลักดันพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ซึ่งรัฐบาลพยายามที่จะดูแลประชาชนให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน

นอกจากนี้นายกฯ กล่าวด้วยว่า เรื่องปัญหาหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ ถ้าเราไม่มาอยู่ตรงนี้คงไม่มีใครไปพูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าขอให้มีการลดดอกเบี้ย ที่ท่านยึดความอิสระเป็นหลัก แต่ตนก็พูดแล้วว่าอิสระไม่ได้อิสระจากความทุกข์ของประชาชนก็พูดไปด้วยวาจาที่สุภาพ เป็นการพูดในฐานะผู้ใหญ่ที่คุยกัน ถ้าทำตามก็ถือว่าดี แต่ถ้าไม่ทำรัฐบาลเราก็หาวิธีอื่น ซึ่งเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้คุยกับทั้ง 4 ธนาคาร และเมื่อสองวันก่อนก็มีการลดดอกเบี้ยแบ่งเบาภาระพี่น้องประชาชนลงไปอันนั้นคือเรื่องของในระบบ แต่เรื่องที่สำคัญกัดกร่อนสังคมไทยมานานคือเรื่องหนี้นอกระบบ ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับลูกหนี้ที่ใช้ดอกเบี้ย ทำเท่าไหร่ก็ใช้หนี้ไม่หมดเพราะดอกเบี้ยต่อปีเป็น 1,000% 

ซึ่งวันนี้รัฐบาลได้มีการเริ่มต้นแก้ไขปัญหาแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ ซึ่งยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องภายใน 4 ปีของรัฐบาล เพราะมองว่าหนี้นอกระบบเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมของสังคมไทย ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้หนี้ รวมถึงเรื่องยาเสพติดควบคู่ไปกับปัญหาเศรษฐกิจ ควรจะพูดคุยกันอย่างจริงจังว่าการจะไปถึงจุดเป้าหมายของเราได้มันต้องผ่านอีกหลายอย่าง

อย่างไรก็ดีตนเชื่อว่าถ้าเราทุกคนมีความมุ่งมั่นมีความสามัคคีเข้าใจซึ่งกันและกัน เชื่อว่าถนนที่เดินไปข้างหน้าก็จะสะดวกขึ้นและจะง่ายขึ้นในการทำงานระหว่าง ส.ส. ร่วมกับคณะทำงานในพรรคกับฝ่ายบริหาร ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญใน 7-8 เดือนที่ผ่านมา เราเกือบไม่มีการประสานงานกันเลย แต่วันนี้เราทำงานกันดีขึ้น อยากให้โฟกัสในส่วนที่ดีในเวลาที่อยู่ด้วยกันมาอาจจะพอใจกัน 60 ส่วน 40 ไม่พอใจ ผมจึงอยากจะขอให้โฟกัสกันที่ 60% ที่ เรารักกัน

โดยเชื่อว่าหัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ในพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่และสส.ทุกคน ตั้งใจและมีจุดประสงค์เดียวกัน ว่าเรามาเพื่อต้องการที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนเพื่อให้อยู่ดีกินดีและมีความสุข

“ไม่ว่าจะเป็นแค่สมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือเป็นแคนดิเดตนายกหรือเป็นนายกรัฐมนตรีไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับ 4 ปี แล้วชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนดีขึ้น เพราะพวกเราคือเพื่อไทย” นายกฯ กล่าวสรุป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่