หน้าแรก Voice TV กลุ่มผู้เสียหาย STARK มอบดอกไม้ขอบคุณ 'อธ.อัยการคดีพิเศษ' เร่งขอศาลรวมสำนวนริบทรัพย์ 3

กลุ่มผู้เสียหาย STARK มอบดอกไม้ขอบคุณ 'อธ.อัยการคดีพิเศษ' เร่งขอศาลรวมสำนวนริบทรัพย์ 3

73
0
กลุ่มผู้เสียหาย-stark-มอบดอกไม้ขอบคุณ-'อธ.อัยการคดีพิเศษ'-เร่งขอศาลรวมสำนวนริบทรัพย์-3

กลุ่มผู้เสียหายหุ้นกู้ STARK ตัวจริง มอบดอกไม้ขอบคุณ ‘วิรุฬห์’อธ.อัยการคดีพิเศษ เร่งขอศาลรวมสำนวนริบทรัพย์ 3 พันกว่าล้านจากการกระทำผิดคืนเเก่ผู้เสียหาย ยืนยันเร่งดำเนินการคุ้มครองสิทธิ์เผยสั่งดีเอสไอดำเนินคดีอาญาเพิ่มอีกล็อต อยู่ระหว่างสอบสวน ส่วนหาก ปปง.อายัดเพิ่มได้อีกสามารถยื่นศาลใหม่ได้เรื่อยๆ

มื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ชั้น 10 สำนักงานอัยการคดีพิเศษ อาคารสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก กลุ่มตัวเเทนผู้เสียหายคดีทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 

หรือคดีหุ้นกู้ STARK ตัวจริงประมาณ10 คนเดินทางมายื่นหนังสือถึง นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์คืนเเก่ผู้เสียหายหลังล่าสุด ปปง.อายัดเพิ่มมาได้อีกเกือบ3 พันล้าน เเละในส่วนคดีอาญาซึ่งอัยการได้มีการยื่นฟ้องยื่นฟ้องนาย วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ อดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ธุรกิจสี กับพวกไปเเล้ว

โดยตัวเเทนกลุ่มผู้เสียหายได้นำดอกไม้ให้กำลังใจเเละขอบคุณนายวิรุฬห์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษที่ได้เร่งดำเนินการในส่วนยื่นศาลขอให้ริบทรัพย์สินจำเลยคืนเเก่ผู้เสียหาย โดยตัวเเทนกลุ่มผู้เสียหายขอให้ตามคนที่กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเเละเกิดเหตุการณ์เเบบนี้อีกในตลาดหลักทรัพย์ เเละป้องกันเหตุในอนาคตอยากให้คดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ เพราะคดีนี้ความเสียหายมากเเละผู้กระทำบางส่วนยังลอยนวล เพราถมันมีการโกงตั้งเเต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

โดยนายวิรุฬห์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของอัยการซึ่งเรื่องการขอให้ศาลริบทรัพย์นี้เดิมทีอัยการสำนักงานคดีพิเศษเราได้ยื่นไปเเล้ว 1 สำนวนเป็นเงิน 355 ล้านบาท เเละเมื่อวันที่ 7 พ.ค.นี้ได้ยื่นเพิ่มอีก1 สำนวนเป็นเงินเกือบ 3 พันล้าน โดยเรายื่นขอให้ศาลรวมเข้าสำนวนที่ 2เป็นคดีเดียวหันเพื่อจะได้พิจารณาไปในคราวเดียวกันเเละเป็นการรวดเร็วเพื่อประโยชน์เรื่องคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหาย โดยวันที่ 13 พ.ค.นี้ซึ่งศาลนัดสืบพยาน เเม้เรายังไม่ได้รับเเจ้งเรื่องคุ้มครองสิทธิ์จาก ปปง.ซึ่งคาดว่าจะมีการเลื่อนนัดออกไปก่อนเนื่องจากมีผู้คัดค้าน เเต่จะเป็นผลดีในการคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายในเรื่องการยื่นรวมสำนวนคดีเพื่อคืนเงินให้กับผู้เสียหายตามอัตราส่วน ส่วนเรื่องที่มีการคัดค้านการริบทรัพย์ทางฝั่งจำเลยก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์จากการกระทำผิด คดีนี้มีมูลค่าความเสียหาย 1.4 หมื่นล้าน เเต่ตอนนี้ทางปปง.อายัดได้3 พันกว่าล้านบาท เมื่อเรายื่นขอริบทรัพย์คืนเเก่ผู้เสียหายก็จะได้เเบ่งเฉลี่ยตามจำนวนความเสียหายคิดเป็นร้อยละตามความเสียหาย

ในส่วนคดีอาญาทางอัยการคดีพิเศษเราได้ยื่นฟ้องไปเกือบทุกคนมีเพียง 1 คนที่เราสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากทางอัยการเห็นด้วยยืนตามจากพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากพยานหลักฐานมองว่าปู้ต้องหารายนี้ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระทำตั้งเเต่ต้น นอกจากนี้นอกจากจำเลยที่เรายื่นฟ้องไปเเล้ว ตอนนี้เราเเจ้งให้ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอไปดำเนินคดีผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4-6 รายซึ่งเป็นกลุ่มกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท ซึ่งถ้าทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอเห็นว่ามีใครเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิ่มขึ้นอีกก็จะมีการเเจ้งข้อกล่าวหาได้เพิ่มขึ้นอีก เเละเมื่อมาถึงอัยการคดีพิเศษเราก็จะพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่ต่อไป ซึ่งตอนนี้ขั้นอยู่ระหว่างสอบสวนยังไม่ได้มีการเเจ้งข้อหาเพิ่ม เเต่หากมีการเพิ่มผู้ต้องหาเเล้วจะไปเกี่ยวกับการสืบทรัพย์สินเพิ่มเติมได้หรือไม่นั้นต้องไปดูอีกทีเพราะอาจจะเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ได้ เเต่ถ้าเราได้ตัวผู้ต้องหามาเเละมีการสอบสวนเพิ่มก็สามารถที่จะยึดอายัดเพิ่มอีกได้ เเละในระหว่างนี้หากทาง ปปง.ยึดอายัดเพิ่มได้อีกก็จะส่วมาอัยการยื่นขอให้ศาลริบทรัพย์ตกเเก่เเผ่นดินเเละคุ้มครองสิทธิ์คืนผู้เสียหายได้เพิ่มขึ้นอีก โดยผู้เสียหายสามารถยื่นต่อ ปปง.หรือยื่นโดยตรงต่อศาลเเพ่งเองก็ได้ ถ้ามีทรัพย์ก้อนใหม่อัยการเราก็จะดูว่ามันจะทันกับที่เราพึ่งยื่นศาลไปหรือไม่ ถ้าไม่ทันก็ยื่นเป็นคดีใหม่เพื่อไม่ให้ไปดึงกับคดีเเรกที่นื่นไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเรื่องยื่นขอริบทรัพย์สินตกเป็นของเเผ่นดินเเละคืนผู้เสียหายอัยการเราเร่งรัดอยู่เเล้วคดีวันที่ 13 พ.ค.นี้เราขอศาลให้ไต่สวนรวมเป็นคดีเดียวกันเลยเพื่อคุ้มครองสิทธิ์คืนให้ผู้เสียหายโดยเร็ว

ในส่วนเรื่องหากมีการสู้คดีเรื่องที่อัยการขอริบทรัพย์นั้นทาง ปปง.เขาได้ตรวจสอบมาเเล้วว่าเป็นทรัพย์สินที่เกิดจากการกระทำผิดเเต่ถ้าทางฝั่งจำเลยบอกไม่ใช่ก็ต้องไปพิสูจน์หักล้างกันในศาล เเต่ถ้าไม่ได้ทรัพย์นั้นศาลก็จะริบเเละนำกลัยมาคืนมือผู้เสียหาย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่