วันนี้ (23 พ.ค.2567) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 รับคำร้อง 40 สว. แต่ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ยังไม่ได้คุยกับนายกฯ เศรษฐา แต่ไม่ได้กังวลใจอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
ส่วนมติของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เหลื่อมกันเพียง 1 เสียง นายภูมิธรรมกล่าว พร้อมยิ้มว่า “ฟุตบอลแข่งกันยิงเข้าลูกเดียวก็ชนะ มันไม่มีความหมายอะไร” ส่วนแนวทางการชี้แจง เริ่มต้นต้องคุยกันในรายละเอียดก่อน
ส่วนกรณีนักวิชาการมีการวิเคราะห์ว่าความผิดนั้นสำเร็จไปแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากทำงานบริหารประเทศ จะรู้ว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา พร้อมยกตัวอย่างเรื่องข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ประเทศเสียหายไปหมด พอความจริงทางวิทยาศาสตร์ออกมาพิสูจน์ก็จบ
นายภูมิธรรม ยังตอบประเด็นรัฐบาลกังวลว่าเป็นเกมล้มรัฐบาลหรือไม่นั้นว่า เราทำตามกระบวนการ ไม่คิดว่ามีปัญหา จึงไม่ได้เตรียมอะไรมาก ซึ่งดูตามข้อกฎหมายจะเอาข้อกฎหมายมาต่อสู้อย่างไร
นายภูมิธรรม มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องกฎหมาย ส่วนมีการเมืองแอบแฝงหรือไม่นั้นก็ต้องเข้าไปดู แต่หากดูแล้วมันเป็นเรื่องการเมืองก็ต้องไปว่ากันอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งขอดูรายละเอียดก่อน
ส่วนเป็นเกมเปลี่ยนตัวนายกฯหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่รู้สึกตัว และเมื่อถามต่อว่ามีบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นชื่อของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรมหัวเราะ ก่อนกล่าวต่อว่ามันเป็นเรื่องกระบวนการว่ามีแคนดิเดตกี่คนก็เป็นไปตามนั้น หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นก็เป็นไป ไม่มีพรรคเพื่อไทยก็เป็นพรรคอื่น มันมีกระบวนการทางกฎหมายรองรับอยู่แล้ว
ส่วนนายพิชิต ลาออกทำให้มีรัฐมนตรีว่างถึง 2 ตำแหน่ง จะมีการเตรียมเสนอชื่อต่อนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า สารตั้งต้นจะอยู่ที่นายกฯ จะเพิ่มหรือไม่เพิ่ม จะเป็นคนในหรือคนนอกได้ทั้งหมด ขอให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี
ส่วนผู้ที่จะมาต้องเป็น สส.เขตพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะการปรับ ครม. ที่ผ่านมาถูกมองว่าไม่เชื่อมโยงกับสภาฯ นายภูมิธรรม ย้ำว่า ต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม ตามที่นายกรัฐมนตรีอยากจะให้เป็น ซึ่งจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหรือไม่ คุณสมบัติเหมาะสม ครอบคลุมทุกอย่าง
และเมื่อถามย้ำว่าพรรคจะเป็นผู้เสนอ หรือนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า สารตั้งต้นจะต้องมาจากนายกรัฐมนตรี ส่วนจะต้องรีบแต่งตั้งในตำแหน่งที่ว่างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ต้องรีบ ตอนนี้หากยังทำงานได้ นายกฯยังสามารถทำงานได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นคำร้องที่เกิดขึ้น เหมือนนายกรัฐมนตรีถูกวางยา เรื่องการแต่งตั้งนายพิชิต ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมยิ้ม ก่อนจะบอกว่าใครจะไปวางยาใครได้ ต้องเคารพความมีสติปัญญา และวุฒิภาวะของผู้รับผิดชอบแต่ละคน
นายกฯ เตรียมคุยฝ่ายกฎหมาย รับมือคำร้อง 40 สว.
ส่วน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น บอกว่ามีเวลา 15 วัน เมื่อเสร็จภารกิจแล้วจะหารือกับฝ่ายกฎหมาย ว่าจะเตรียมคำชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
นายกฯ มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาในการเข้าสู่การเมือง ต้องสามารถตรวจสอบได้ หากฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายตุลาการมีความข้องใจ ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะต้องไปชี้แจง ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะต้องชี้แจงในประเด็นอะไรบ้าง แต่มั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้
และย้ำว่า ต้องให้เวลาศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณา ไม่อยากกดดันศาลฯ ขณะเดียวกันตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำคำชี้แจง เมื่อกลับประเทศไทยไปแล้วจะไปพิจารณาร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่อยากมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่เป็นเรื่องที่ต้องรับทราบ และให้ความกระจ่างกับสังคม มั่นใจว่าตัวเองปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งต้องดูรายละเอียดคำวินิจฉัยอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร และเชื่อว่าคนที่จะทำหน้าที่ในการตัดสินจะต้องพิจารณาอย่างดี
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า สว. เล่นเกมต่อรองทางการเมือง นั้น นายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่ทราบ ว่าต้องการต่อรองอะไร และต้องไม่คิดไปในแง่ลบ เพราะ สว. ก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง ซึ่งส่วนตัวมีหลายคนบอกว่า เมื่อ สว. หมดวาระไปแล้วก็ไม่ควรเสนอ หรือร้องเรียนอะไรอีก
แต่หากกฎหมายให้สิทธิ์ในการเสนอ ก็สามารถทำได้ และไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ และไม่อยากมองลึกไปถึงการเล่นเกมเพื่อต่อรองอะไรบางอย่าง เชื่อว่าทุกคนมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ และต้องการให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างโปร่งใสและชอบธรรม
อ่านข่าว : “พระพยอม” ชี้เหตุหนักสุดไฟไหม้กุฏิ เด็กเสียชีวิต 3 คน
เปิดปัจจัยถังออกซิเจนระเบิด ความเสี่ยงแค่เสี้ยวนาที
“กมธ.ความมั่นคง” เรียกแจง ส่งเน็ต-ไฟฟ้า ข้ามฝั่งเมียนมา หวั่นหนุนทุนสีเทา
