วันนี้ (27 พ.ค.2567) นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุถึงผลสำรวจความเห็นของสถาบันพระปกเกล้าที่พรรคก้าวไกล ยังคงได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง ทั้ง สส. เขตของพรรค และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่อยากเห็นให้นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า เป็นกำลังใจในการทำงาน แต่จะนำมาสิ่งที่ทำให้ประมาทไม่ได้ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคก้าวไกลยังคงต้องทำงานหนัก เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากขึ้น
ผลสำรวจความคิดเห็นที่ออกมาครั้งนี้ ย่อมส่งผลในเชิงบวกต่อพรรคก้าวไกล โดยเห็นว่าประชาชนคาดหวัง ต้องการเห็นรัฐบาลที่ทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ และมีเป้าหมายและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนมากกว่านี้
หัวหน้าพรรคก้าวไกลยังระบุถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี อ้างอิงถึงกระแสนิยมเป็นรองพรรคก้าวไกลว่า รัฐบาลยังไม่ได้มีงบประมาณมาขับเคลื่อนนโยบายนั้นว่า ผลงานของรัฐบาลการใช้งบประมาณเป็นส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
การดำเนินนโยบายมีส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับงบประมาณด้วย แต่ความเชื่อถือและความชัดเจนในทิศทางทางการเมือง หรือสิ่งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ตั้งแต่มีการแถลงนโยบาย คือยุทธศาสตร์และทิศทางแผนการทำงานไม่ชัดเจน ที่ทำให้สังคมเห็นว่า เรากำลังจะเดินไปสู่ทางไหน ซึ่งหากรัฐบาลมีความชัดเจนเชื่อว่าสังคมอาจจะเข้าใจว่า ส่วนไหนเป็นการรองงบประมาณส่วนไหนไม่จำเป็นต้องรองบประมาณ
นายชัยธวัชยังกล่าวถึงผลสำรวจความเห็นในครั้งนี้ จะทำให้จำนวน สส.ของพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งครั้งหน้ามากกว่า 200 คนหรือไม่ว่า หากจะพูดมั่นใจเลยคงไม่ได้ อาจเป็นการดูถูกประชาชนจนเกินไป ประชาชนไม่ใช่ของตายของใคร
ยอมรับว่า เป้าหมายการเลือกตั้งครั้งหน้า 200 คน เป็นเป้าหมายของพรรคก้าวไกล เพื่อเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคก้าวไกล ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่จะเดินไปสู่ตรงนั้นได้ ต้องทำงานเพื่อพิสูจน์ให้ประชาชนได้ไว้วางใจและเชื่อมั่นให้พรรคก้าวไกลมา บริหารประเทศอีกเยอะ ต้องทำงานหนักกว่านี้
หัวหน้าพรรคก้าวไกลยังกล่าวถึงการวิจารณ์ ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า เรื่องการดูงานในต่างประเทศ อาจเป็นความคุ้นเคยในรัฐสภา ทั้ง สว.และ สส. ที่เห็นว่า การไปดูงานในต่างประเทศเป็นสิทธิประโยชน์ของ สส. ควรจะได้ซึ่งพรรคก้าวไกลเคยท้วงติงไปในหลายกรรมาธิการ
แต่อย่างไรก็ตาม การดูงานต่างประเทศไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ซึ่งจะต้องเป็นการดูงานอย่างแท้จริงและได้ประโยชน์กลับมาในการทำหน้าที่ของ สส. แต่ก็ยอมรับว่าการไปดูงานกลับกลายเป็นว่าไปเที่ยวโดยอาศัยรูปแบบของการดูงาน ซึ่งในรายละเอียดที่เป็นเนื้อหาสาระในการดูงานยังไม่ไม่มาก ซึ่งพรรคก้าวไกลได้ติดตามตลอด
“ในส่วนของพรรคก้าวไกลเองได้กำชับ โดยเฉพาะในกรรมาธิการที่ สส. ของพรรคก้าวไกลได้เป็นประธานว่าไม่โอเคที่จะทำแบบนั้น ดังนั้นการไปดูงานก็คือการไปดูงานไม่ใช่ไปเที่ยว” นายชัยธวัชกล่าว
อ่านข่าว : กสทช. สั่งระงับออกอากาศ “โหนกระแส” 1 วัน 7 มิ.ย.67