หัวเราะมิได้ ร่ำไห้ไม่ออก แม้ “ชาญ พวงเพ็ชร์” หรือ “ลุงชาญ” จะชนะการเลือกตั้ง ได้กลับมาเป็นเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี ในสมัยที่ 4 พลิกเอาชนะ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง คู่แข่งคนสำคัญถึง 1,820 คะแนน โดย “ชาญ” ได้ 203,032 คะแนน ส่วน “บิ๊กแจ๊ส” ได้ 201,212 คะแนน ส่งผลให้ “ลุงชาญ” กลับมาเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี สมัยที่ 4
แม้สโลแกน “คนปทุมธานีไม่ทิ้งกัน” ส่วนหนึ่งจะมีผลทำให้ “ลุงชาญ” ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด และไม่ใช่เพราะ “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยคุมศูนย์เลือกตั้ง ลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียง เช่นเดียวกับน้องสาว “อุ๊งอิ๊ง” แพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือเกิดจาก “ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางไปพบพบปะกับกลุ่มเครือข่าย “บ้านใหญ่” ในจ.ปทุมธานี เมื่องานบวช สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หลานชาย “นายกฯ เบี้ยว” กฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี เท่านั้น
แต่เดิมพันเก้าอี้ นายก อบจ.ปทุมธานี ครั้งนี้ ตัวชี้ขาดกลับอยู่ที่เครือข่ายในมุ้ง “บ้านใหญ่” ที่เคยหลังหักเพราะ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ในการเลือกตั้งสนามใหญ่ระดับประเทศครั้งที่ผ่านมา เปิดปฏิบัติการเอาคืน ซึ่งคะแนนชี้ชะตากรรม เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ (30 มิ.ย.) พบว่า มีหลายอำเภอ เช่น ในพื้นที่ อ.คลองหลวง, ลาดหลุมแก้ว คะแนนที่ทำให้ชนะขาดอยู่ที่ 5,000 กว่าคะแนน ทั้ง 2 พื้นที่ ขณะที่ อ.เมือง ชนะกันเพียง 1,573 คะแนน
ส่วนในเขต อ.สามโคกพื้นที่ “บ้านใหญ่” ของ “เสวก ประเสริฐสุข” พบว่า “ลุงชาญ” ได้ถึง 20,392 คะแนน ส่วน “บิ๊กแจ๊ส” คำรณวิทย์ ได้ไป 5,918 คะแนน ถือว่าพ่ายขาดลอย สาเหตุหลัก นอกจากจะเกิดจากตัวบุคคล, กระแสความนิยมพรรคก็ปัจจัยหนึ่ง ส่วนเสบียงและอาหารบางจุดน้อยไป ขณะที่บางจุดเสบียงเข้าไม่ถึง และหลายๆจุด การลำเลียงเสบียงเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ย้อนกลับไปที่สนามเลือกตั้งครั้งใหญ่เมื่อปี 2566 เสวก ประเสริฐสุข หรือ นายกฯใหญ่ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลสามโคก จ.ปทุมธานียอมลาออกจากการเมืองท้องถิ่น และเข้ามาอยู่กับ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.อ.คำรณวิทย์ เพื่อมาช่วยหาเสียงในสมัยที่พล.ต.อ คำรณวิทย์ มาสมัครเป็นนายกอบจ.ปทุมธานีครั้งแรก จนได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกอบจ.ปทุมธานี และนายเสวกเข้ามาเป็นรองนายกอบจ.ปทุมธานี และก่อนจะลาออกมาสมัครเป็นสส.ในนามพรรคเพื่อไทย แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ลง เนื่องจากในเขตพื้นที่ จ.ปทุมธานี มีเจ้าของพื้นที่อยู่แล้ว เมื่ออกหักจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น จึงทำให้อดีตนายกเทศบาลตำบลสามโคก โบกมือลา และกลับมาช่วยนำพลพรรคเข้าช่วย “ลุงชาญ” จนทำให้คะแนนในพื้นที่นำโด่ง
ไม่ต่างจาก อ.ลาดหลุมแก้ว ซึ่งมี “นายกฯป้อม” สุริยะ ภิรมย์พร้อม นายก อบต.ลาดหลุมแก้ว ฐานเสียงอดีต สส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทยก็เทคะแนนให้ แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีขีปนาวุธเข้าไปแต่ก็ไม่ถึง หรือที่ อ.ธัญบุรี บ้านใหญ่ของ “นายกฯ เบี้ยว” กฤษฎา ฐานเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย ซึ่งอย่างไรเสียก็ยอมไม่ได้ที่จะให้ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.อ.คำรณวิทย์ เข้ามาเจาะ
ว่ากันว่า มีความพยายามส่งกำลังบำรุงเข้าไป โดยมีเงื่อนไขว่า “ให้ลำเลียงเสบียงเข้าไปในพื้นที่ก่อน” และบันทึกไว้ เมื่อชนะการเลือกตั้งแล้ว จะมีการนำเสบียงไปให้ใหม่ตามรายการ แต่ก็ไม่มีใครยอมในช่วงวันวัดใจ
ศึกครั้งนี้ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ได้สวมเสื้อสีน้ำเงินเหลือบส้ม โดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของค่าย มีข้อมูลจากนักการเมืองในพื้นที่เมืองปทุมธานี ระบุว่า ตามสไตล์ของค่ายสีน้ำเงิน คือ เรื่องกระสุนในสนามเลือกตั้ง ค่ายจะช่วยส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ยกเว้น หากชนะการเลือกตั้งแล้ว ใช้ไปเท่าไหร่ ก็จะได้กลับคืน ยกเว้นเป็น สส.เก่าหลายสมัยจึงจะให้คืนให้ทั้งหมด
สำหรับสนามการเมืองในระดับท้องถิ่น ทุกผู้เข้าท้าชิงจำเป็นต้องกราดยิงเองบ้าง ไม่ว่าจะสนามไหนก็ ไม่ได้มีข้อยกเว้น แม้จะมีฐานคะแนนสนับสนุนจาก “เมืองสนั่นรักษ์” แต่ได้แค่เฉพาะพื้นที่ ต่างจากการผนึกกำลังของของกลุ่มบ้านใหญ่ บ้านใหญ่คลองหลวง, บ้านใหญ่สามโคก, บ้านใหญ่ธัญบุรี และ ลาดหลุมแก้ว
ดังนั้นชัยชนะของ “ลุงชาญ” ในรอบนี้ จึงไม่ได้เกิดจากมนต์ขลังของพรรคเพื่อไทยเสียทีเดียว แต่เกิดจากปฏิบัติการเอาคืน “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ของกลุ่มบ้านใหญ่ทั้งหลาย เพราะลำพังตัว “ลุงชาญ” เมื่อก้าวขึ้นหลังเสือแล้ว ต้องไปให้สุดตัวและทุ่มทุกสรรพกำลัง เพราะสปอนเซอร์ใหญ่ไม่สนับสนุน คงส่งเฉพาะลูก ๆ หลาน ๆ เข้าพื้นที่มาช่วยหาเสียงแค่นั้นเอง
สงครามเลือกตั้งชิงตำแหน่ง นายก อบจ.ปทุมธานี ยังไม่จบ แม้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศผลนับคะแนน โดย “ลุงชาญ” เป็นผู้ชนะ เส้นทางการเป็น นายก อบจ.เมืองปทุมธานี อยู่ใกล้แค่เอื้อม
แต่แล้วกลับพบว่า ยังมีวิบากกรรมกรณีที่ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด นายชาญ พวงเพ็ชร์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี เกี่ยวกับการจัดซื้อถุงยังชีพเมื่อปี พ.ศ.2555 ปัจจุบันศาลอาญาทุจริตฯ มีคำสั่งประทับฟ้องและคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาฯ
และแม้ว่าขณะที่ศาลอาญาฯ ได้มีคำสั่งประทับฟ้อง นายชาญ พวงเพ็ชร์ จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ. ปทุมธานี ก็ตาม แต่ต่อมาเมื่อนายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งเดิมในอีกวาระหนึ่ง นายชาญ พวงเพ็ชร์ จึงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 1486/2565
หากเป็นเช่นนี้แล้ว การเมืองในปทุมธานีจะเป็นอย่างไร หาก กกต.ประกาศรับรองผลฯ แล้วจะไปต่ออย่างไร เมื่อ “ลุงชาญ” ต้องติดล็อกในคดีดังกล่าว และคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความให้เป็นตำแหน่งต่อเนื่อง ลาออกไม่ได้ และจะแต่งตั้งก็ไม่ได้ เป็นเช่นนี้ หัวเราะก็มิได้ ร่ำไห้ก็ไม่ออกเสียแล้ว
อ่านข่าวเพิ่ม :
“บิ๊กแจ๊ส” ไม่ขอปิดตำนาน “มีวันเพราะพี่ให้” หลังพ่ายเลือกตั้ง
กกต.ประกาศผล “ชาญ พวงเพ็ชร์” นายก อบจ.ปทุมธานี
นักรัฐศาสตร์ วิเคราะห์ 2 ปัจจัย “บิ๊กแจ๊ส” พ่าย “ลุงชาญ” ชิงนายก อบจ.ปทุมธานี