ในรอบสัปดาห์นี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวย้ำ 2-3 ครั้งเรื่อง “กฎ-กติกาและมารยาท” โดยไม่คิดจะลุกขึ้นมาช่วงชิงหรือเสียบแทนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่ว่า ตำแหน่งผู้นำรัฐบาลต้องเป็นของพรรคที่มี สส.มากที่สุดในรัฐบาล และกระแสนายกฯ คนต่อไป หรือนายกฯ สำรอง ก็แค่ Worst-Case Scenario จริงหรือ
ในทางการเมืองก็ไม่ควรเชื่อในสิ่งที่เห็น และสิ่งที่คิดก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นทั้งหมด แต่มีอะไรมากกว่านั้น แม้ว่านายอนุทิน จะปฏิเสธเสียบแทนนายเศรษฐา แต่ภาพที่ซ้อนทางการเมืองคือ “ภูมิใจไทย” กำลังแผ่ขยายอำนาจทับไลน์ “เพื่อไทย”
แน่นอนว่ากระแสก็คือกระแส จะนายกฯ สำรอง-นายกฯ คนต่อไป นายเศรษฐาก็ไม่ได้หวั่นไหว พร้อมย้ำว่าวันนี้ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เต็มที่ ซื่อสัตย์ สุจริต และยึดปฏิบัติแบบนี้มาโดยตลอด ส่วนวันที่ 14 ส.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องถอดถอนออกมาอย่างไรก็พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยนั้น
รวมถึงไม่ได้หวาดระแวงพรรคร่วมรัฐบาลและยังไม่ได้คิดจะปรับคนออก-ดึงคนเข้า ซึ่งนั่นก็หมายถึง (ปรับ “พลังประชารัฐ” ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล..และดึง “ประชาธิปัตย์” เข้าร่วมรัฐบาลแทน) เพื่อเพิ่มเสถียรภาพรัฐบาลให้มากขึ้น
ในความมั่นใจของนายกฯ เศรษฐา ยังมีคำยืนยันของนายอนุทิน การันตีอยู่ด้วย “ภูมิใจไทย” ยึดหลักปฏิบัติทางการเมืองตามกฎ กติกาและมารยาท และย้ำเรื่องมารยาททางการเมืองมา 2-3 วันแล้ว ตำแหน่งผู้นำรัฐบาลต้องเป็นของพรรคที่มี สส.มากที่สุดในรัฐบาล ซึ่งขณะนี้คือพรรคเพื่อไทย กระแสที่ลือสะพัดก็คือกระแส
นายอนุทิน ตอกย้ำและอ้างอิงว่านายกฯ สำรอง-นายกฯ คนต่อไป เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองจาก 2 คำร้อง หนึ่งคือคำร้องยุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ และสอง คำร้องถอดถอนนายกฯ ในวันที่ 14 ส.ค. ทั้งหมดแค่ Worst-Case Scenario
จะด้วยคำยืนยันของนายอนุทินและความมั่นใจของนายเศรษฐา ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพทางการเมืองที่ซ้อนเข้ามาใน “เพื่อไทย” ซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่เป็นพรรคฝ่ายกุมอำนาจทางการเมืองอยู่ คืออำนาจทางการเมืองของ “ภูมิใจไทย” ที่ซ้อนอยู่ หนึ่งคือแผ่ขยายไปคุมสภาฯ สูงไว้ และจากสภาฯ ที่มี สส.อยู่ในมือ 70 เสียง กำลังจะขยายเพิ่มด้วยการดึง “ประชาธิปัตย์” เข้ามา
ในวงการการเมืองเป็นที่รับทราบกันอยู่ “เพื่อไทย” ไม่เผาผีกับ “ประชาธิปัตย์” แต่นั่นหมายถึง “ประชาธิปัตย์เดิม” ไม่ใช่ “ประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน” ที่เป็นขั้วอำนาจใหม่ ซึ่งมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้า และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นเลขาธิการพรรค มีคอนเนกชันกันอยู่ ทั้งที่เป็นข่าวสายตรงกับนายอนุทิน และที่เป็นข่าวว่าต่อสายถึงนายทักษิณ ชินวัตร ผ่านกระแส “รอร่วมรัฐบาล”
หากหลังจากนี้จะดึงเข้ามาร่วมรัฐบาลด้วยก็เป็นไปได้ทั้งเหตุผล 2 ทาง หนึ่งคือเป็นการขยายฐานทางการเมืองของ “ภูมิใจไทย” ผ่านสายตรง ระหว่างนายเฉลิมชัยถึงนายอนุทิน สองคือการต่อสายเป็นผลแล้ว ระหว่างนายเดชอิศม์ถึงนายทักษิณ แต่การเข้าร่วมรัฐบาล (จะมาแค่ 21 สส.เท่านั้น) เพราะ “เพื่อไทย” ต้องหาเสียงมาทดแทน สส. “พลังประชารัฐ” ที่แตกแถว
ลองนับฐานคะแนนทางการเมืองในข่าย “ภูมิใจไทย” ที่คนการเมืองนับกัน เชื่อกันว่าเป็นอำนาจในการต่อรองของนายอนุทิน นั่นก็คือ สว. 150 คนที่เป็นกระแส “ค่ายสีน้ำเงิน” ส่วนที่เป็น “ประชาธิปัตย์-เฉลิมชัย คอนเนกชัน” ก็น่าจะประมาณ 21 เสียง และที่เป็นสายลุงป้อมในพลังประชารัฐ ที่พร้อมสนับสนุนนายอนุทิน ก็น่าจะประมาณ 13 เสียง และที่เป็นกระแสรอเคลมพรรคก้าวไกลอยู่อีก 20 หรือจะบวกในส่วนของลุมป้อมเคลมด้วยก็อีก 10 เสียง เดินทางเกม กฎ กติกาและมารยาท
เกมนี้ หากนายกฯ เศรษฐา ต้องเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการเมือง แล้ว “เพื่อไทย” เสนอชื่อนายกฯ ให้สภาฯ โหวต “หากเกมพลิก” เมื่อ “ภูมิใจไทย” ต้องเสนอชื่ออนุทิน ชาญวีรวีรกูล เมื่อไร ก็เชื่อได้ว่านายอนุทิน พร้อมภูมิใจไทยและพลพรรคก็พร้อม แล้วไม่ได้พร้อมแค่สภาผู้แทนฯ แต่วุฒิสภาก็พร้อม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้นจะสบโอกาสนี้เมื่อไร
อ่านข่าว
“เศรษฐา” ไม่กังวลกระแสข่าว เปลี่ยนตัวนายกฯ
“ชัยธวัช” ชี้การวินิจฉัยยุบ “ก้าวไกล” ไม่อยู่ในเขตอำนาจศาล
“อนุทิน” ขออย่าทำ “เศรษฐา” วอกแวก ย้ำเก้าอี้นายกฯ เป็นของ พท.