วันนี้ (6 ก.ย.2567) บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐมนตรีเริ่มทยอยเดินทางมายังตึกสันติไมตรี เพื่อถ่ายภาพเดี่ยวในเครื่องแบบปกติขาว ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี โดยก่อนเวลานัดหมาย น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ยืนยันว่า คณะรัฐมนตรีทั้งคณะจะเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ อย่างพร้อมเพรียงในวันนี้ เวลา 18.15 น.
และในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ย.) เวลา 09.15 น. จะมีการถ่ายภาพหมู่ บริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนจะประชุม ครม.นัดพิเศษในเวลา 10.00 น. โดยภายหลังการประชุม ครม. จะมีการแถลงข่าวร่วมกันที่ตึกสันติไมตรี
โดยเมื่อเวลา 14.00 น. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เดินทางมาถึงเป็นคนแรก
จากนั้น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่ารู้สึก ดีใจเป็นธรรมดาที่ได้กลับเข้ามาทำเงียบอีกครั้ง , ก่อนที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินทางมาถึงตามลำดับ
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงในเวลา 14.40 น. โดยได้ทักทายสื่อมวลชนและหยุดให้ถ่ายภาพด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกตื่นเต้นหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ผายมือมาทางสื่อมวลชน พร้อมบอกว่า “สื่อมากันเยอะ ทำให้ตื่นเต้น” และยื่นมือมาให้ผู้สื่อข่าวจับ พร้อมถามว่า มือเย็นมั้ย ก่อนจะถูกแซวว่า “ไม่ตื่นเต้นเลย แต่มือเย็นมาก”
โดย น.ส.แพทองธาร บอกว่า “แอร์ในรถเย็น” พร้อมชี้มือไปที่พระอาทิตย์ บอกว่า “อากาศหนาว” และก่อนจะเดินขึ้นไปยังตึกสันติไมตรี
จากนั้นรัฐมนตรีคนอื่นๆ ได้ทยอยเดินทางมา อย่างพร้อมเพรียง ส่วนนายทรงศักดิ์ ทองศรี และ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ได้เดินทางมาร่วมคณะ โดยทั้งสองคนได้สวมหน้ากากอนามัย หลังตรวจพบเชื้อโควิด-19 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดพื้นที่แยกให้เข้าด้านหลังตึกสันติไมตรีหลังนอก
ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการนายกฯรัฐมนตรี ได้จัดเตรียมรถตู้ไว้ทั้งหมด 9 คัน สำหรับนำคณะรัฐมนตรีทั้งหมดเดินทางไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยรถตู้คันแรก เป็น Volkswagen ทะเบียน ฮอ7743 กทม. ซึ่งจะเป็นรถที่นายกรัฐมนตรีนั่ง โดยมีนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม , นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ร่วมนั่งไปด้วย
“ชูศักดิ์” รับผลพวงจริยธรรมทำเกิด ครม.สืบสันดาน มองเรื่องธรรมดา
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอธิบายคำว่าสืบสันดานทางกฎหมายว่า นั้นมีจริง เขาเรียกว่าเป็นบุพการีผู้สืบสันดาน เป็นคำในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายต่างๆ ซึ่งตนเข้าใจว่าการที่นำมาเปรียบเทียบกันคงจะเปรียบในทางการเมือง แต่ในทางกฎหมาย หมายความว่าหากบุพการีไม่อยู่ และไม่สามารถทำหน้าที่ได้ก็ให้ผู้สืบสันดานทำหน้าที่แทน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องในทางกฎหมาย เบื้องต้นมองว่าเป็นเรื่องปกติทางการเมือง เพราะเรามีพรรคการเมือง ซึ่งแต่ละพรรคก็ได้โควตาที่แตกต่างกันไป ระบบก็เป็นเช่นนี้
ขออย่าไปซีเรียสอะไรเลย กับเรื่องเหล่านี้
เมื่อถามว่าการนำมาเปรียบเทียบเช่นนี้แรงไปหรือไม่นายชูศักดิ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน เป็นศัพท์ธรรมดา แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเพียงศัพท์ทางการเมืองที่ใช้กัน เหมือนกับในช่วงปีใหม่ที่ทางผู้สื่อข่าวจะมีการตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรี ก็ให้มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เมื่อสภาพการเมืองไทยเป็นเช่นนี้ มีพรรคการเมือง มีคณะรัฐมนตรี เราจะไปขอให้พรรคเพื่อไทย ตั้งโควตารัฐมนตรีทั้งหมดก็คงไม่มีใครเล่นด้วย ก็จะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้
เมื่อถามว่าเป็นผลพวงมาจากคำว่าจริยธรรมของการวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ จึงใช้วิธีการสืบสันดานเพื่อแก้ไขปัญหาใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า จะมองอย่างนั้นก็ได้ เพราะเมื่อวาน (5 ก.ย.) ตนก็บอกไปแล้ว ว่าบางถ้อยคำอาจมีปัญหา อาจจะต้องปรับต้องแก้ ซึ่งก็แล้วแต่มุมมอง ตนจึงอยากให้ทุกคนมองเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการเมือง อย่าไปเครียดอะไรมาก
เมื่อถามว่าถือว่าเป็นการแก้เกม ของขั้วอำนาจเดิมใช่หรือไม่นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่อย่าไปมองอย่างนั้น ให้มองเป็นเรื่องปกติธรรมดาจะสบายใจกว่า
อ่านข่าว : นายกฯ นำ ครม.ใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ เย็นวันนี้
“ธีรรัตน์” ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ยันดู กทม.ไม่ได้ทวงพื้นที่คืนให้เพื่อไทย
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วย การกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ว่า ได้รับการแต่งตั้งและได้รับความไว้วางใจ ตนก็ภูมิใจและดีใจมากๆ ถือเป็นสิ่งที่เราทำงานมาโดยตลอด และได้ก้าวเข้าไปสู่ในจุดที่มีโอกาสในการทำงานมากขึ้น ก็จะทำให้ดีที่สุด ในฝ่ายของบริหาร ซึ่งคิดว่าวันนี้ ประเทศของเรา ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องช่วยกันดูแลจัดการ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่ทุกคนได้มาร่วมกัน ระดมกำลังระดมความคิดเห็น ทำให้ประเทศพัฒนาขึ้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญและตนยินดีมากๆ
เมื่อถามถึงการแบ่งงานในสัดส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่จะมาดูแลกรุงเทพมหานครจะเป็น การทวงคืนพื้นที่กรุงเทพมหานครให้กับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ น.ส.ธีรัตน์ กล่าวว่า คงไม่ได้คิดว่าจะมาทวงคืนอะไร แต่การมาทำหน้าที่ตรงนี้ จะทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้เป็นเมืองหลวงของทุกคนจริงๆ ให้ทุกพื้นที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นภารกิจที่เราจะตั้งใจทำงานมากกว่า
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่จะต้องไปทำงานในกระทรวงที่เป็นกระทรวงของพรรคร่วมรัฐบาล น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ทุกคนมีความตั้งใจเดียวกัน เพื่อให้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน มีความมุ่งมั่นตั้งใจให้ประชาชนยอมรับ ในผลงานของเราก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะจากการพูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้แนะนำหลายอย่าง นายอนุทินก็บอกว่า ถ้าได้เข้ามาทำก็ถือว่าดีเลยจะได้เข้าไปช่วยกัน
อ่านข่าว :
“ทรงศักดิ์-ซาบีดา” ติดโควิด “อนุทิน” แจงนายกฯ ยังไม่แบ่งงานรองนายกฯ