นายกรัฐมนตรี เป็นประธานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำปี 2567 ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ยอดเงินถวายผ้าพระกฐินฯ รวม 12,731,219.42 บาท
วันนี้ (8 พฤศจิกายน 2567) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำปี 2567 ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ที่จะได้ร่วมทำบุญเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชนเข้าร่วม และมีกลุ่มแม่บ้านกว่า 1,000 คน จาก 18 อำเภอ จังหวัดสกลนคร ใส่ชุดภูไทยสีชมพูลายราชวัตรรำเพลงงามสกลละเบ๋อ เพลงชวนเที่ยวสกล ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระกฐินพร้อมเครื่องบริวารพระกฐิน ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ขอรับพระราชทาน เพื่อน้อมนำไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร โดยการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานครั้งนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีและประชาชนทั่วไป ได้ร่วมทำบุญถวายจตุปัจจัย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 12,731,219.42 บาท
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธี นายกรัฐมนตรีไปยังพระวิหาร กราบสักการะหลวงพ่อองค์แสน และถวายขันหมากเบ็งสักการะองค์พระธาตุ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเยี่ยมชมนิทรรศการปราสาทผึ้ง ซึ่งประเพณีการแห่ปราสาทผึ้ง เป็นประเพณีของชาวอีสาน ถือว่าการทำบุญด้วยการถวายต้นผึ้ง เป็นบุญกุศลสูงส่ง ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี ชมนิทรรศการโครงการกลุ่มผ้าทอต้นแบบผ้าย้อมคราม “ดอนกอยโมเดล” ซอฟต์พาวเวอร์ด้านผ้า ของจังหวัดสกลนคร ก่อนเดินพบปะทักทายประชาชนชาวสกลนครที่มาให้การต้อนรับ
สำหรับวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร เดิมชื่อว่า วัดพระธาตุศาสดาราม ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2506 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ซึ่งมีปูชนียวัตถุและปูชนียสถานที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญ คือ หลวงพ่อองค์แสน พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสน พระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร และพระธาตุเชิงชุม โดยองค์พระธาตุในปัจจุบันเป็นศิลปะล้านช้าง ตั้งหันหน้าไปทางหนองหารซึ่งอยู่ทิศตะวันออก เป็นที่เคารพนับถือและศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ปัจจุบันพระเทพสิทธิโสภณ (สุรสีห์ กิตฺติโสภโณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร