วันนี้ (11 พ.ย.2567) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่เกาะกูด จ.ตราด เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า กำลังพลของกองทัพเรือได้ดูแลอธิปไตยตามกรอบของกฎหมายและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทหารของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเพื่อนบ้านยอมรับว่าเป็นพื้นที่ของประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นประเด็น โดยกรอบการหารือในอนาคตจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขตแดน แต่เป็นการหารือในประเด็นที่ยังตกลงกันไม่ได้
ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวในเกาะกูดถือว่าดีขึ้น จากการพูดคุยกับหน่วยงานในพื้นที่พบว่า ช่วงที่เกิดเรื่องใหม่ ๆ มียอดการจองโรงแรมและที่พักลดลง 30% แต่หลังจากมีการชี้แจงทำความเข้าใจ ทุกอย่างก็ดีขึ้นและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ขอย้ำว่าสถานการณ์ที่เกาะกูดไม่มีอะไรน่ากังวล ข้อมูลที่ได้รับรายงานมามีแรงงานชาวกัมพูชากว่า 100 คนที่เข้ามาทำงาน
เมื่อถามว่า ปัญหาเกาะกูดจะจบอย่างไร เพราะยังมีกระแสคัดค้านการเจรจาร่วมกับกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการและจำเป็นต้องมีคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค หรือ JTC ตามกรอบของ MOU 44 เพื่อรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศทุกยุค รวมถึงกองทัพเรือ ต่างยืนยันในเรื่องการดูแลอธิปไตย แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การเจรจา ต้องรอดูผลในอนาคต อย่าใช้จินตนาการจนกลายเป็นปัญหา เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและความเชื่อมั่นต่อต่างประเทศ
ขณะที่ความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการ JTC เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าให้เร่งดำเนินการ ซึ่งขณะนี้กระทรวงต่างประเทศ (กต.) อยู่ระหว่างดำเนินการและพยายามเปิดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในกรรมการชุดนี้แบบรอบด้าน เช่น กรมอุทกศาสตร์ และกฤษฎีกา ซึ่งเป็นฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล
นายภูมิธรรม ย้ำว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ไม่ยืดเยื้อและไม่สะดุด โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและเสียงส่วนใหญ่เป็นสำคัญ ส่วนกระแสข่าวมีดีลลับกับทางกัมพูชานั้น ยืนยันว่าไม่มีดีลอะไรทั้งสิ้น
อ่านข่าว
“อนุทิน” ลง “เกาะกูด” ทูนธงชาติเหนือหัวลั่น รบ.ไม่ยอมเสียดินแดน
