วันนี้ (13 ธ.ค.2567) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้กล่าวบนเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทยช่วงหนึ่งว่า วันนี้เป็นห่วงมากที่สุดคือ หลังจากที่นายโดนัลล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ได้รับเลือกตั้ง ซึ่งก่อนการหาเสียงก็มีคณะทำงานของทรัมป์ได้วิดิโอคอลกับตนว่าประเทศไทยระวัง เนื่องจากเราได้เปรียบดุลการค้าอเมริกา เพราะอเมริกาจะจัดการกับประเทศที่เสียดุลการค้าด้วยการเพิ่มภาษีหรือให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในสหรัฐอเมริกาเพื่อไปให้เกิดการจ้างงานในอเมริกา
ขณะเดียวกันเราเพิ่งไปเจรจา FTA กับประเทศออสเตรเลีย ทำให้สินค้า Daily Product เข้ามาในประเทศไทยโดยไม่เสียภาษี แต่อเมริกากระทบ 50% แม้เราอาจจะมองว่าอาจจะไม่กระทบอะไรกับคนไทย แต่ต้องศึกษาเอาไว้ เป็นสิ่งที่เราต้องรู้เขา และเขาต้องรู้เรา
นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนที่ ทรัมป์ ประกาศว่าจะใช้หนี้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ด้วยบิตคอยน์และเพื่อนตนก็เตือนให้ระวัง “บิตคอยน์” จะขึ้นไปถึงเหรียญละ 850,000 บ. ซึ่งวันนี้อยู่ที่เหรียญละ 100,000 บ.ที่พูดแบบนี้เพราะมีแนวโน้มที่หลายประเทศจะนำบิตคอยน์ บางส่วนมาใช้จ่ายในประเทศ
ขณะเดียวกันผู้ว่าการแบงค์ชาติของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า บิตคอยน์ แต่แข่งกับทองคำ แสดงให้เห็นว่า เงินดิจิทัลสามารถสร้างมูลค่าได้ และขณะนี้บิตคอยน์ ออกมาแล้วกว่า 19 ล้านเหรียญ จาก 21 ล้านเหรียญ ขณะที่ทองคำออกมาได้ไม่จำกัด ซึ่งหลายคนบอกด้วยว่าอีกหน่อยเราจะมีสกุลเงินมากกว่าประเทศในโลกนี้ หมายความว่า 1 ประเทศมีมากกว่า 1 สกุล ดังนั้นวันนี้ไทยต้องเตรียมและต้องรู้เท่าทันให้ได้
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้มอบให้นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง และ ก.คลัง ไปศึกษา ว่าเราจะรับบิตคอยน์ได้หรือไม่ สิ่งที่น่าติดตามคือ สเตเบิลคอยน์ ที่จะเพิ่มเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจแทนการออกพันธบัตร ซึ่งขาดทุนทุกปี โดยสามารถออกเป็นคอยซ์ โดยมีบอร์ดของรัฐบาลค้ำประกัน ทำให้มีเงินก็จะไหลเวียนในเศรษฐกิจทำให้เศรษฐกิจโตแน่นอน
นายทักษิณ กล่าวว่า GDP ปีหน้าโต 3.5 % ไม่น่ามีปัญหา ปี 69 โต 4% ซึ่งวันนี้เราไม่พอใจเพราะหาก GDP ไม่ถึง 5 % ประเทศไทย จะด้อยกว่าประเทศอื่นในอาเซียน เม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเราถูกดูดออกหมด เพราะว่า ธนาคารพาณิชย์อยากปล่อยกู้ธุรกิจที่ยังไม่มั่นคง จึงต้องหาเม็ดเงินเข้าสู่ในระบบเศรษฐกิจ โดยที่ไม่เป็นภาระกับประเทศ
หนี้สาธารณะเราเยอะมาก 68% มีเพดานหนี้สาธารณะอยู่ 70% วันนี้มีวิธีลดหนี้สาธารณะอยู่ 2 อย่างคือ 1.ทำ GDP ให้โต 2.ลดการขาดดุลหรือจัดเก็บภาษีให้เพียงพอ ซึ่งทั้ง 2 เรื่อง เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยากทั้งคู่ ซึ่งไม่เหนือบ่ากว่าแรง เพราะพรรคเพื่อไทยเราเกิดมาด้วยความสามารถทางเศรษฐกิจ
อ่านข่าว : เช็กเงื่อนไขขั้นตอนลงทะเบียน “คุณสู้ เราช่วย”
เช็กผลงาน 90 วัน “รัฐบาลแพทองธาร” ทำอะไรแล้วบ้าง
นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน ยันปี 68 โอกาสของคนไทยลุยเงินดิจิทัล