หน้าแรก Voice TV ‘เอกนัฏ’ สั่งถอนใบอนุญาตโรงงานทำผิดซ้ำ ฝ่าฝืนคำสั่งลอบเปิดกิจการ พร้อมประสานทุกหน่วยงานดำเนินคดีเด็ดขาด

‘เอกนัฏ’ สั่งถอนใบอนุญาตโรงงานทำผิดซ้ำ ฝ่าฝืนคำสั่งลอบเปิดกิจการ พร้อมประสานทุกหน่วยงานดำเนินคดีเด็ดขาด

11
0
‘เอกนัฏ’-สั่งถอนใบอนุญาตโรงงานทำผิดซ้ำ-ฝ่าฝืนคำสั่งลอบเปิดกิจการ-พร้อมประสานทุกหน่วยงานดำเนินคดีเด็ดขาด
‘เอกนัฏ’ สั่งถอนใบอนุญาตโรงงานทำผิดซ้ำ ฝ่าฝืนคำสั่งลอบเปิดกิจการ พร้อมประสานทุกหน่วยงานดำเนินคดีเด็ดขาด

‘เอกนัฏ’  รมว.อุตสาหกรรม ส่ง ‘ทีมสุดซอย’ ตรวจโรงงานใน อ.ศรีมหาโพธิ หลังพบฝ่าฝืนคำสั่งลักลอบประกอบกิจการ เคลื่อนย้ายของกลาง สั่งเพิกถอนใบอนุญาต พร้อมแจ้งทุกหน่วยงานดำเนินคดีถึงที่สุด แถมตรวจพบขยะอิเล็กทรอนิกส์นำเข้าจากต่างประเทศอีกกว่า 3 พันตัน ขยายผลหาต้นตอ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ส่ง ทีมตรวจการสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รมว.อุตสาหกรรม, นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, กรมโรงงานอุตสาหกรรม, กรมควบคุมมลพิษ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และนายอำเภอศรีมหาโพธิ เข้าตรวจสอบบริษัท ที แอนด์ ที เวสท์ แมเนจเม้นท์ 2017 จำกัด ที่ตั้งอยู่ใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งบริษัทแห่งนี้เคยถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี และกรมโรงงานอุตสาหกรรม มีคำสั่งห้ามประกอบกิจการโดยไม่รับอนุญาต ห้ามเคลื่อนย้ายสิ่งของ วัสดุ เครื่องจักรที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมมีคำสั่งอายัดไว้ตั้งแต่เดือน ก.ย.67 เป็นต้นมา แต่กลับพบว่าบริษัทแห่งนี้มีการฝ่าฝืนคำสังอย่างต่อเนื่อง

IMG_20241214012307000000.jpeg

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบการลักลอบประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตและพบการลักลอบขนย้ายวัสดุ สิ่งของ เครื่องจักร และสิ่งอื่น ๆ ที่ กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ยึดอายัดไว้ นอกจากนี้ยังพบพยานหลักฐานการลักลอบทิ้งสารเคมีและกากอุตสาหกรรมในพื้นที่บ่อน้ำที่ใกล้เคียงกับบริษัทด้วย ด้วยพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนไม่เคารพกฎหมาย ประกอบกับคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์กระทรวงอุตสาหกรรม พิจารณาจากหลักฐานพฤติกรรมของบริษัทแล้ว จึงมีข้อเสนอไม่รับอุทธรณ์บริษัทดังกล่าว และออกแนวทางปฏิบัติเสนอมายังรัฐมนตรี โดยได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมทำหนังสือแจ้งคำสั่งปิดโรงงานไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร, กรมสรรพากร, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนายอำเภอศรีมหาโพธิ เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัทที่กระทำผิดตามอำนาจหน้าที่ที่หน่วยงานเกี่ยวข้องต่อไป

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากการเข้าตรวจค้นเพิ่มครั้งนี้ทีมตรวจการสุดซอยยังตรวจพบขยะอิเล็กทรอนิกส์นำเข้าจากต่างประเทศอีกกว่า 3,000 ตัน และพบการกระทำผิดเพิ่มเติม จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับบริษัท และจะขยายผลขอความร่วมมือจากกรมศุลกากรตรวจหาที่มาของขยะอิเล็กทรอนิกส์ต่อไป”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่