หน้าแรก ข่าวสารจากพรรค “มีการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์ เรื่องกัญชา เสรี หลังมี พรบ.กัญชา มีผลบังคับใช้ ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์” จึงนำมาให้อ่านต่อ

“มีการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์ เรื่องกัญชา เสรี หลังมี พรบ.กัญชา มีผลบังคับใช้ ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์” จึงนำมาให้อ่านต่อ

84
0

เมื่อกัญชา กลายเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ ของพรรคฯ ของกลุ่มคนไม่กี่คน คนไทยหมดสิทธิเข้าถึง แล้วล๊อค 3 ชั้น เพื่อกีดกันคนปลูกกัญชา ใน พ.ร.บ. พรรคภูมิใจไทย

            กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่ พรบ.ของภูมิใจไทย ปฏิบัติกับกัญชาเยี่ยงอาวุธสงคราม หรือหนักกว่าด้วยซ้ำ การปลูกในครัวเรือนแม้ในร่าง พ.ร.บ.จะกำหนดไว้ว่าสามารถกระทำได้ แต่….จะทำได้ต้องมีใบจดแจ้งก่อน ส่วนใบจดแจ้งมีกระบวนการอย่างไร และคุณสมบัติของผู้จดแจ้งเป็นแบบไหน ขึ้นอยู่กับประกาศกระทรวง…และเมื่อได้ใบจดแจ้งแล้ว หากผู้ออกใบจดแจ้งพบว่ากระทำความผิดการปลูกไม่เป็นไปตามใบจดแจ้ง เจ้าหน้าที่สามารถรื้อกัญชาทิ้งได้  สรุปการปลูกในครัวเรือน ใครปลูกได้ต้องรอคุณสมบัติที่ รมต.ประกาศ และ จนท.มีสิทธิในการรื้อถอนได้

            พูดสั้นๆว่า จะปลูก จะรักษา จะใช้ ขึ้นอยู่กับอำนาจของคนอื่นไม่ได้ขึ้นกับตัวเราเอง

ล๊อค 3 ชั้นนั้นคือการปลูกเพื่อแปรรูปและจำหน่าย….กฎหมายของภูมิใจไทยใช้วิธีดักตาข่ายให้คนเล็ดรอดสู่ตลาดกัญชาให้น้อยที่สุด เพื่อพวกเขาจะได้คุมการตลาดหลายหมื่นล้าน

**

ตาข่ายชั้นที่1

            ใครจะปลูกได้ต้องขออนุญาต ด้วยมูลค่าใบปลูก 50,000 บาท ใบแปรรูป 50,000 บาท ใบนำเข้าส่งออก 100,000 บาท มีอายุสามปี ค่าตรวจอาคารครั้งละ 50,000 บาท ยังไม่นับสเปกอาคารซึ่งต้องรอประกาศกระทรวง ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินกี่แสนบาท

            สำหรับตาข่ายชั้นที่1 นั้น กีดกันคนจำนวนมากเข้าสู่ตลาดกัญชา เพราะว่าจะมีใครสักกี่คนที่มีเงินขนาดนั้น และมีใครกี่คนที่มีความสามารถทำเอกสารหนาๆเพื่อขออนุญาต…นี่เพียงตาข่ายชั้นที่1

***

ตาข่ายชั้นที่ 2

เมื่อได้ใบอนุญาตแล้ว ยังต้องเผชิญกลไกของ พ.ร.บ.ภูมิใจไทยที่สถาปนาผู้เชี่ยวชาญขึ้นมา ให้สามารถมีข้อวินิจฉัยต่อ การปลูกกัญชา กัญชง และให้ อำนาจ จนท.ด้วยการเข้าตรวจค้นในรถ ในโรงเรือน สามารถยึดอุปกรณ์การปลูก การแปรรูป และอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด และ สามารถเข้าตรวจค้นโดยไม่ต้องมีหมายค้นสำหรับตาข่ายขั้นที่ 2 นี้ทำหน้าที่จัดการกับผู้ปลูกกัญชาหลังจากที่ได้ใบอนุญาตแล้ว หากว่า จนท.เหล่านั้นจะกลั่นแกล้งใคร จะเรียกรับผลประโยชน์จากใคร จะจัดการกับนักปลูกคนไหน สามารถทำได้โดยอำนาจนี้ สุดท้ายแล้วนี่คือกลไกของผลประโยชน์

****

ตาข่ายชั้นที่ 3

นอกจากการเข้าตรวจค้น ยึด อุปกรณ์ทั้งมวลและต้นกัญชา กัญชง ได้แล้ว ยังต้องเผชิญกับตาข่ายชั้นที่สาม นั่นคือ การสั่งพักใบอนุญาต คราวละหกเดือนยกเว้นเป็นคดีในศาลต้องรอจนกว่าศาลจะพิพากษา เท่านี้ยังไม่พอยังสามารถสั่งยกเลิกใบอนุญาตได้อีก และใครถูกยกเลิกต้องรอสามปีจึงจะขอใหม่ได้

ตาข่ายชั้นที่สาม คือ การฆ่า และผิดหลักการอย่างยิ่ง เพราะกัญชาไม่ใช่พืชยาเสพติดแล้ว ทำไมต้องให้อำนาจคนกลุ่มหนึ่ง มาชี้นิ้วบงการว่า ใครควรได้ปลูกกัญชา ใครทำผิด ใครทำถูก ยังละเมิดสิทธิพื้นฐานของประชาชนในการปลูกพืช ด้วยการยึดใบอนุญาต

*****

โทษของการถูกวินิจฉัยว่าทำผิด คือ จำคุกสามปี ปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

*****

นี่ไม่ใช่โลกของกัญชาอย่างเดียว แต่มันคือโลกของการผูกขาดทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสันดานของกลุ่มทุนและรัฐไทยที่ทำกฎหมายเช่นนี้ตลอดมาเพื่อให้คนกลุ่มเดียวครอบครองมูลค่าทางเศรษฐกิจ

กฎหมายกัญชาคือตัวแทนคำอธิบายว่ากฎหมายทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้อย่างไร

*****

พี่น้องคนไทย ต้องรู้เท่าทัน และช่วยกันแชร์ ออกไปให้มาก เมื่อผู้ร้าย โจรชั่ว อ้างเป็นพ่อพระ…

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่