วันนี้ (16 ม.ค.2566) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ว่า ทางคณะรัฐมนตรีตอบกลับถึงความพร้อมตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.เป็นต้นไป แต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน เห็นว่าเป็นเวลาช้าผิดปกติ และยอมรับวิตกเรื่องการชิงยุบสภาก่อน และกลัวจะเป็นการหนีการอภิปราย พร้อมกับมีกระแสข่าวจะยุบสภาก่อนวันที่ 15 ก.พ. จึงตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการเลี่ยงการอภิปรายหรือไม่ ซึ่งจะจริงหรือไม่ต้องติดตามหลังวันที่ 6 ก.พ. เพราะต้องดู ส.ส.ที่มีแนวโน้มย้ายพรรค หากลาออกช่วงนั้นก็เพราะอยู่ในกรอบ 90 วันที่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณรัฐบาลอยู่ครบเทอม แต่ถ้าไม่มีการย้ายก็มีโอกาสยุบสภาสูง
นพ.ชลน่าน ยังประเมินช่วง 3 วัน คือ วันที่ 14 ก.พ. วันที่ 24 ก.พ. และวันที่ 7 มี.ค. อาจเป็นฤกษ์ที่เชื่อว่ายุบสภาแล้วอาจจะมีการสืบทอดอำนาจ ตามที่ส่วนตัวได้ยินข่าวมาว่าอาจมีคนต้องการให้วันแห่งความรักเป็นวันแห่งความเกลียดขึ้นมา
ส่วนสาระการอภิปรายทั่วไป นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะล้อตามกรอบนโยบาย 12 ด้านของรัฐบาลครบทุกเนื้อหา ถามทุกประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคม เช่น เรื่องยาเสพติด ทุนจีนสีเทา การแต่งตั้งโยกย้าย และระบบราชการ ซึ่งฝ่ายค้านตั้งเป้าอภิปรายไม่ต่ำกว่า 22 ชั่วโมง โดยพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการเตรียมการอภิปรายครั้งสุดท้ายนี้ เพื่อเป็นส่วนให้ประชาชนตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยจะชี้ความบกพร่อง ความล้มเหลวจากการบริหารราชการแผ่นดินของ ครม. และจะมีข้อเสนอแนะ
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงกรณีข้อเสนอเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่าเป็นการชิงความได้เปรียบ แต่ก็ดีใจที่ประชาชนจะมีโอกาสได้เงินเพิ่มขึ้น แม้จะเป็นการเอาเปรียพรรคการเมืองอื่น
นพ.ชลน่าน ย้ำในหลักการที่จะร่วมมือทำงานทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า การประกาศก่อนเป็นมารยาทที่ไม่ดีทางการเมือง ไม่เคารพประชาชน ดังนั้นพรรคต้องจับมือกับประชาชนก่อน หากประชาชนมอบให้มากกว่า 250 เสียง การจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกต้้งก็สามารถเลือกพรรคการเมืองที่มาร่วมกับเพื่อไทยได้ ส่วนพลังประชารัฐกับเพื่อไทยมีอุดมการณ์เดียวกันหรือไม่ ต้องไปถามพรรคพลังประชารัฐ แต่เชื่อว่าประชาชนจะรู้ ยืนยัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ไม่ได้พูดในลักษณะเพื่อไทยไม่ปิดโอกาสร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐ
