‘เพื่อไทย’ พบกลุ่มนักธุรกิจ จ.ร้อยเอ็ด เกษตรกรสะท้อน ข้าว-วัวราคาถูก ขาดแคลนน้ำ ‘เศรษฐา’ ชี้ ทุกคนเห็นทางแก้แต่ไร้คนขับเคลื่อน พท.เสนอตัว ขอโอกาสเข้าไปแก้
เวลา 11.30 น. วันที่ 18 เมษายน ที่สาเกต ฮอลล์ จังหวัดร้อยเอ็ด แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้งส.ส.พรรคเพื่อไทย จักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ปานปรีย์ พหิทธานุกร คณะทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นสพ.ชัย วัชรรงค์คณะทำงานด้านนโยบายเกษตร พรรคเพื่อไทย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ลิณธิภรณ์ วรัณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการและรักษาการโฆษก พรรคเพื่อไทย อดิศร เพียงเกษ ขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ดพรรคเพื่อไทยทั้ง 8 เขต พบปะตัวแทนกลุ่มนักธุรกิจ และผู้ประกอบการจังหวัดร้อยเอ็ดกว่า 30 คน
โดยตัวแทนกลุ่มเกษตรกร สะท้อนปัญหาของกลุ่มเกษตรกร จ.ร้อยเอ็ด ว่า ร้อยเอ็ดเป็นแหล่งผลิดข้าวหอมมะลิโลก แต่ที่ผ่านมา เกษตรกร ชาวบ้าน ไม่ได้รับการสนับสนุน เราจึงหวังว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะทำให้ข้าวหอมมะลิสามารถแปรรูปให้มีมูลค่าสูงขึ้น เราอยากเห็นข้าวหอมมะลิมีราคาเท่ากับทองคำเช่นในอดีต ทั้งนี้ สิ่งที่เกษตรกรต้องการคือ 1.ต้องการขายข้าวในราคาสูง มีตลาดที่แน่นอน ดังนั้น ขอให้ลผลิตทางการเกษตรมีกำไรบ้าง เพราะทุกวันนี้มีความเสี่ยงมากที่จะขาดทุน หรือขายแล้วขาดทุน
และ 2.วัว-โคกระบือราคาตกลงอย่างมาก คนทำฟาร์มเลี้ยงไปไม่รอด เมื่อก่อนขายกันเป็นตัว แต่วันนี้มีการชั่งกิโลขาย ทุกวันนี้เลี้ยงกันแบบได้กำไรก็ช่าง ไม่ได้กำไรก็ช่าง ทำอย่างไรพรรคเพื่อไทยจะช่วยพวกเรา และ 3.ปัญหาเรื่องน้ำ ซึ่งวันนี้ระบบชลประทานไม่ถึง ชาวบ้านปลูกอะไรก็ไม่ได้ นี่คือสิ่งที่อยากฝากพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ เราเชื่อว่า ด้วยความสามารถของพรรคเพื่อไทยจะช่วยพวกเราได้
ขณะที่ ตัวแทนสภาหอการค้า สะท้อนว่า จ.ร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดที่ติดอันดับความยากจน ดังนั้น ร้อยเอ็ดวันนี้จะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง โดยต้องเป็นเมืองอุตสาหกรรมการเกษตรแปรรูป วันนี้ราคาข้าวต่ำมาก เราอาจจะต้องนำมาแปรรูปเป็นสาเก แบบของญี่ปุ่น เป็นต้น นอกเหนือจากนี้ ต้องการยกระดับให้สนามบินร้อยเอ็ดเป็นคาร์โก้ และปัญหาที่เรามองข้ามคือ การปลูกป่า วันนี้เราแล้ว เพราะต้นไม้เราน้อย ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าก็แพงจึงอยากให้มีการสนับสนุนโซล่าเซล จึงอยากฝากตรงนี้ให้กับทางพรรคเพื่อไทยด้วย
เศรษฐา กล่าวว่า รู้สึกว่า 8 ปีที่ผ่านมา เป็นอะไรที่เราอัดอั้นตันใจ ค้าขายก็ไม่ดี อะไรก็ไม่ดี ตนคิดว่าเรื่องของรายได้เกษตรกรถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของพรรคเพื่อไทย ซึ่งนโยบายหลักของเราคือ รายได้ของพี่น้องเกษตรกรต้องโตขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี และต้นทุนซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของพี่น้องต้องต่ำลง โดยเราจะมีการนำนวัฒกรรมมาเสริมเพื่อลดต้นทุนตรงนี้ด้วย นอกจากนี้ ต้องมีตลาดนำ โดยจะต้องมีการเปิดตลาดต่างประเทศ ต่อมาคือ เรื่องพื้นที่การเกษตร ไม่ท่วม ไม่แล้ง ส่วนตัวตนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะทุกบาททุกสตางค์ที่เราลงทุนไปกับตรงนี้เป็นการสร้างการเติบโตของ GDP ไปในตัว เราจะมีการขยายพื้นที่ชลประทาน และบริหารจัดการน้ำให้ไม่ท่วมไม่แล้ง
“ผมมองว่าปัญหาหลายๆอย่างทุกท่านมีทางออกที่เห็นกันอยู่แล้ว ขาดเพียงคนเข้ามาขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นเท่านั้น โดยหลายๆเรื่องเราจะต้องมีการแก้กฎหมายเพื่อให้สามารถพัฒนา และขยายขีดความสามารถของเมือง ทั้งนี้ เราต้องการผู้นำใหม่ ต้องการรัฐบาลใหม่ ดังนั้น เราต้องได้เสียงร้อยเอ็ดยกจังหวัด ตนไม่ปฏิเสธว่าเรามาหาเสียง เรามาเสนอตัว มาเสนอโอกาส เพื่อให้เรามีโอกาสเข้าไปแก้ไขปัญหาต่างๆที่ท่านได้เสนอมา เราขอส.ส.พรรคเพื่อไทยยกจังหวัด” นายเศรษฐา กล่าว
นสพ.ชัย กล่าวว่า เรื่องราคาวัวต้องมีการร่วมมือกันระหว่างประเทศ เพื่อการส่งออก ฯลฯ เราต้องเจรจากับผู้ประกอบการต่างชาติเพื่อส่งออกวัวให้มีราคา เพื่อไทยจะเอาตลาดนำ แล้วเลี้ยงวัวตามความต้องการของตลาด คำนวนได้ว่า 1 ปีที่เลี้ยงวัวจะได้ราคาเท่าไหร่ ต่อมาเรื่องน้ำ พรรคเพื่อไทยเราตั้งงบบริหารจัดการน้ำไว้กว่า 5 แสนล้านบาท เราให้ความสำคัญ และจริงจังกับการแก้ปัญหานี้ เราตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 15 ล้านไร่ใน 4 ปี เราเร่งเพิ่มพื้นที่ชลประทานจากรัฐบาลที่แล้วกว่าเท่าตัว
ส่วนเรื่องข้าวหอมมะลิ นี่คือสิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุด เพราะข้าวเราหอม และอร่อยมาก แต่ส่งออกได้ราคาที่ถูกกว่าข้าวที่อื่น ขแงเราดี แต่การทำตลาดปลายทาง หรือตลาดส่งออกแทบไม่มี นอกจากนี้ เราจำเป็นต้องลดจำนวนการผลิตลงบ้างเพื่อให้เกิดความต้องการในตลาด แต่การลดนั้น เราไปลดในที่ดินที่ผลิตผลผลิตได้ต่ำ ผลผลิตแย่ ทำแล้วขาดทุน ไปลองทำอย่างอื่น แล้วรับประกันว่า หากเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแล้วจะได้กำไรมากกว่าปลุกข้าวที่เขาทำอยู่ หรือเปลี่ยนไปปลูกพื้นที่เป็นอาหารสัตว์เพื่อจำหน่าย เราจะกำหนด KPI ของผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯทุกระดับ เพื่อกระตุ้นให้ทำงานใกล้ชิดประชาชนด้วย
ด้านปานปรีย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเข้าใจปัญหาดีว่าเรายังมีข้อติดตัดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมาย กฎเกณฑ์ และเงื่อนไขต่างๆ แต่เราพร้อมจัดการหากเราเข้ามาเป็นรัฐบาล พวกเราอยู่กับพี่น้องประชาชนมาตลอด เรามีความจริงใจในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เราพร้อมที่จะเข้าไปพูดคุยกับเอกชน เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนด้วย