รักชนก ศรีนอก หรือ ไอซ์ ว่าที่ ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 28 กทม. เขตจอมทอง (เฉพาะแขวงบางขุนเทียน), เขตบางบอน (เฉพาะแขวงคลองบางพรานและแขวงบางบอนเหนือ) และเขตหนองแขม (เฉพาะแขวงหนองแขม) พรรคก้าวไกล เปิดใจกับไทยพีบีเอส หลังจากชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ล้มบ้านใหญ่ 2 ตระกูลดัง อย่างอยู่บำรุง และ ม่วงศิริ
ไม่คิดว่าจะชนะการเลือกตั้ง
รักชนก เปิดใจว่า วันแรกที่ได้รับเลือกให้ลงสมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 28 กทม. ไม่คิดว่าตัวเองจะชนะการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่คิดคือทำอย่างไรให้สมศักดิ์ศรีของพรรคก้าวไกลที่ส่งตัวเองมาลงในเขตนี้ที่มีการแข่งขันดุเดือด มีบ้านใหญ่อย่างตระกูลอยู่บำรุง และ ตระกูลม่วงศิริ ซึ่งเธอมองว่า ไม่มีโอกาสที่จะชนะได้เลย เพราะแชมป์เก่ามีพร้อมทุกอย่าง เช่น พื้นที่สื่อ ฐานคะแนนเสียงเดิม นามสกุลที่มีคนรู้จัก แต่เมื่อถึงโค้งสุดท้ายตัวเองคิดว่ามันเป็นโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง เพราะประชาชนอาจจะเปรียบเทียบในเชิงสัญลักษณ์ ที่ตัวเองทำงานด้วยทรัพยากรที่จำกัดทั้งจำนวนคนและงบประมาณการหาเสียง
การเมืองแบบบ้านใหญ่ที่เป็นการเมืองแบบระบบอุปถัมภ์กับการเมืองแบบคนธรรมดาเข้ามาทำงานการเมืองแบบก้าวไกล กระแสเทมาที่ก้าวไกลยิ่งทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นมาในเขตนี้
ไม่คิดว่าตัวเองจะชนะ แต่สิ่งที่คิดคือทำยังไงให้ดีที่สุด ให้สมศักดิ์ศรีของพรรคก้าวไกล
อ่านข่าว เลือกตั้ง2566 : รู้จัก “รักชนก ศรีนอก” ล้มช้างใหญ่บางบอน-ตระกูลม่วงศิริ
สิ่งที่ทำให้ชนะการเลือกตั้ง
ว่าที่ ส.ส. รักชนก เปิดเผยว่า พรรคก้าวไกลอาจจะมองว่า ตัวเองมีบุคลิกดุดัน ไม่ยอมแพ้ และสิ่งที่ทำให้ชนะเลือกตั้งเพราะการเข้าถึงประชาชนทั้งในพื้นที่และในโซเชียลมีเดีย ตลอดการหาเสียงจะรายงานผ่านโซเชียล ว่าไปจุดไหน ทำอะไรบ้าง จึงทำให้หลายคนเห็นว่าตัวเองไม่ได้ใช้วิธีการหาเสียงแบบเก่า ไม่ได้ขึ้นรถแห่หาเสียงแล้วโบกมือ แต่ตัวเองปั่นจักรยานหรือเดินเท้าไปพูดคุยกับประชาชนระหว่างการหาเสียง ซึ่งตัวเองก็ได้รับฟังปัญหาของประชาชนด้วย
ต้องทำให้คนที่สนับสนุนตัวเองในเขตนี้เห็นว่าเป็นนักสู้และเป็นตัวแทนที่พรรคไว้ใจให้มาลงในเขตนี้ จึงต้องพิสูจน์ตัวเองว่าทำเต็มที่ ผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ
“วัน อยู่บำรุง” ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง
รักชนก ระบุว่า ส่วนตัวไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับนายวัน อยู่บำรุง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยมองว่าเป็นเพียงคู่แข่งในสนามเลือกตั้งเมื่อจบการเลือกตั้งการแข่งขันก็สิ้นสุดลง รวมทั้งยังมองว่า นายวัน เป็นรุ่นพี่ในฐานะนักการเมืองที่มีอุดมการณ์เดียวกัน แต่ในสนามการเลือกตั้งอาจจะแข่งขันกันดุเดือด เพื่อให้สมศักดิ์ศรีของพรรคการเมืองที่แต่ละคนสังกัด จึงต้องสู้กันเต็มที่
ไอซ์กับพี่วันเป็นคู่แข่งกันในสนามนี้ ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง เราต้องสู้เต็มที่ มีเท่าไหร่ต้องใส่กันเต็มร้อย เมื่อนักการเมืองสู้กันเต็มที่ คนที่ได้ผลประโยชน์สูงสุดคือประชาชน
สาเหตุที่ใช้จักรยานปั่นหาเสียง
รักชนก บอกว่า เธอมีต้นแบบมาจากผู้สมัคร ส.ส. เขตลาดกระบัง ในการใช้ปั่นจักรยานหาเสียง และในช่วงเวลานั้นเหลือเวลาอีก 2-3 สัปดาห์ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อประเมินแล้วคิดว่าน่าจะหาเสียงไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด หากเดินหาเสียงก็ไม่น่าจะทั่วถึง ส่วนการหาเสียงโดยวิธีขึ้นรถแห่ก็จะไม่ได้พูดคุยกับประชาชน
จึงเป็นไอเดียปั่นจักรยาน เวลาเจอคนก็สามารถแวะจอดพูดคุยได้ จักรยานมันเร็วกว่าเดินเท้า เลยเลือกจักรยาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“สุเทพ อู่อ้น” เลื่อนนั่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แทน “ณธีภัสร์”
เลือกตั้ง2566 : “ด้อมส้ม” ระดมแคมเปญ “31” สะเทือนโลกออนไลน์ ดัน “ก้าวไกล” เข้าสภาฯ
“ณธีภัสร์” ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล ประกาศลาออก หลังถูกจับ “เมาแล้วขับ”
เลือกตั้ง2566 : “ทนาย-พ่อค้าน้ำปั่น-วิศวกร” 8 ว่าที่ ส.ส.ใหม่ ก้าวไกลนนทบุรี
“หมิว สิริลภัส” ว่าที่ส.ส.ก้าวไกล จากเส้นทางดาวสู่เวทีการเมือง
เลือกตั้ง2566 : เปิดวาร์ป 3 หนุ่มก้าวไกล ว่าที่ ส.ส.หน้าใหม่ภูเก็ต