วันนี้ (22 เม.ย.2566) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อสรุปเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องรอคุยระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล แต่ขั้นตอนขณะนี้เป็นเพียงกระบวนการภายในของเพื่อไทยเท่านั้น ที่เปิดให้แสดงความคิดเห็น เพื่อนำไปเจรจาพูดคุยกับพรรคก้าวไกล
ยอมรับว่า มีความเห็นส่วนใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ต้องการให้เสนอขอตำแหน่งประธานสภาฯ สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับการหารือของทั้งสองพรรค ส่วนจะเป็นข้อขัดแย้งจนบานปลายถึงไม่นั้น เพื่อไทยระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนกรณีที่นายอดิศร เพียงเกษ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องให้ความสำคัญกับความรู้สึกของ ส.ส.พรรคนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เพื่อไทยมีหลักการในการทำงานและแคร์ความรู้สึกของทุกฝ่าย โดยอันดับหนึ่งคือประชาชน ที่เป็นเจ้าของอำนาจประชาธิปไตย ที่มอบอำนาจมาให้เรา อันดับสองคือสมาชิกและ ส.ส.ในพรรค และสุดท้ายคือ พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน
ส่วนกรณีที่ ส.ส.เพื่อไทย ยืนยันว่า หากตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นของพรรคก้าวไกล จะขอใช้เอกสิทธิ์งดออกเสียง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ ส.ส. มีเอกสิทธิ์คุ้มครองในการแสดงความคิดเห็นและลงมติ แต่ในระบบพรรคการเมือง ต้องมีการพูดคุยกัน และต้องยึดหลักเสียงข้างมาก ซึ่งจะต้องมีข้อสรุปในระบบพรรคการเมือง
เมื่อเพื่อไทยมีความเห็นต่าง ก็ต้องหามติร่วมให้ได้ ก่อนที่จะไปพูดคุยหรือเจรจากับพรรคก้าวไกล และผมเชื่อว่า ส.ส.เพื่อไทย มีวินัย เมื่อพรรคมีมติแล้วจะทำตามมติ
เมื่อถามว่า ถ้ามีการเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ เป็นประธานสภาฯ จะต้องมีการพูดคุยกับพรรคก้าวไกลอย่างไรบ้าง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จะไม่มีคำว่า “ถ้า” เกิดขึ้น ต้องมีการพูดคุยให้จบในพรรค
เมื่อถามว่า จำเป็นจะต้องให้นายสุชาติสละสิทธิ์หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราไปละเมิดสิทธิ์ของสมาชิกแต่ละคนไม่ได้ แต่ทั้งนี้การตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับตัวนายสุชาติ และเราไม่มีสิทธิ์ที่จะห้ามสิทธิ์ของสมาชิกแต่ละคนที่จะเสนออะไรขึ้นมา แต่เราขอให้ยึดหลักมติพรรค แต่ตนก็ไม่รู้ว่าเสียงข้างมากจะออกมาอย่างไร และการเจรจากับพรรคก้าวไกลจะออกมามุมใด อาจจะมีข้อมติที่ดีก็ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ระบุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ควรจะเป็นของพรรคอันดับ 3 นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลักการ ขอให้พรรคแกนนำเป็นผู้พิจารณา เพื่อไทยก็เสนอในมุมของเพื่อไทย เพราะก้าวไกลได้ 151 เพื่อไทยได้ 141 ขณะที่ประชาชาติได้ 9 เสียง ซึ่งเสียงห่างกันมาก ในลักษณะแบบนี้ต้องยึดถือปฏิบัติที่เป็นมาหรือไม่ ที่จะต้องเกลี่ยไปพรรคอันดับหนึ่งอันดับสองอันดับสาม
ซึ่งในส่วนของคณะเจรจาของเพื่อไทยมองว่า คะแนนห่างกันออกมา จึงเสนอให้พรรคอันดับสอง ได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ ทั้ง 2 คน ส่วนก้าวไกลจะรับหรือไม่ และก้าวไกลจะคุยกับนายวันมูหะหมัดนอร์ อย่างไร ก็เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า เมื่อวานนี้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายวันมูหะหมัดนอร์ ออกมาเตือนว่า หากพรรคก้าวไกลเคลียร์ปัญหาประธานสภาฯ ไม่จบ คนที่จบเห่คือ พรรคฝ่ายประชาธิปไตย จะถึงขั้นนั้นหรือไม่ นพ.ชลน่าน มองว่า ไม่ถึงขั้นนั้น แต่ขอบคุณในความปรารถนาดีของทั้งสองท่าน
ทั้งสองคนเป็นผู้มีประสบการณ์เห็นภาพการเมืองมานาน เพื่อไทยในฐานะทีมเจรจา และเป็นผู้มีส่วนได้เสีย มั่นใจว่า สิ่งที่คนหวั่นไหวหรือคาดการณ์จะไม่เกิดขึ้น เราต้องจบในพรรคก่อนที่จะเจรจากับก้าวไกล และทั้งสองพรรคต้องจบก่อน ที่จะประชุมสภาฯ นัดแรกเพื่อโหวตเลือกประธานสภาฯ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“เพื่อไทย” นั่งรถเมล์ EV มารายงานตัว ส.ส.
“อดิศร” จี้รีบถกปมประธานสภาฯ กับ “ก้าวไกล” ยันยังไงก็ดัน “พิธา” นั่งนายกฯ
“เสรีพิศุทธิ์” ติง “เพื่อไทย-ก้าวไกล” อย่าขัดแย้ง หวั่นเผด็จการคืนชีพ