หน้าแรก Thai PBS ประชุมสภา : ถกครึ่งเช้า จ้องรุก-ตั้งรับ ด้วยเงื่อนไข ม.112 “โหวตนายกฯ คนที่ 30”

ประชุมสภา : ถกครึ่งเช้า จ้องรุก-ตั้งรับ ด้วยเงื่อนไข ม.112 “โหวตนายกฯ คนที่ 30”

87
0
ประชุมสภา-:-ถกครึ่งเช้า-จ้องรุก-ตั้งรับ-ด้วยเงื่อนไข-ม.112-“โหวตนายกฯ-คนที่-30”

การเตรียมการโหวตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศ ไม่ได้เริ่มขึ้นในเช้าวันที่ 13 ก.ค.2566 แต่เริ่มมาจากตั้งแต่กลางดึก วันที่ 12 ก.ค.2566

เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณอาคารรัฐสภา ถนนทุกสายที่มุ่งหน้าที่สู่รัฐสภา ถูกปิดห้ามสัญจรไปมา

ตู้คอนเทนเนอร์ 40 ตู้ ปิดกันทุกทางเข้า-ออก พร้อมรถน้ำแรงดันสูง และรถเครื่องขยายเสียง

ล่วงเข้าเวลา 08.40 น.บรรยากาศที่อาคารรัฐสภา เริ่มคึกคัก บรรดา ส.ส.และ ส.ว.เริ่มทยอยเดินทางมาถึง เพื่อเตรียมร่วมประชุมรัฐสภาวาระโหวตนายกรัฐมนตรี

ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดี เข้าตรวจสอบความเรียบร้อยในที่ประชุมอีกครั้ง อย่างเข้มข้น เก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ใครจะได้มานั่ง ยังต้องจับตา

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.เพื่อไทย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนโหวตนายกฯ อยากให้โหวตจบวันนี้ เพราะไม่รู้ว่าถ้าเลื่อนแล้วจะไปถึงเมื่อใด ต้องรอคำวินิจฉัยศาลหรือไม่ ส่วน ส.ว.ก็มีความเห็นที่หลากหลาย

ผ่านมา 1 ชั่วโมง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ขึ้นนั่งเป็นประธาน กล่าวเปิดประชุมรัฐสภา ท่ามกลางบรรยากาศที่ดำเนินเรื่อยไป แต่ประเด็นส่วนใหญ่ถูกพุ่งเป้าไปที่ ม.112 เป็นหลัก

ขณะที่ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ระบุถึงการลงมติวันนี้ว่า จุดยืนชัดเจน เพราะสถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลง จึงตัดสินใจไปตามความเป็นจริง ว่า หากมีใครทำให้บ้านเมืองแตกแยก โดยการสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนทำผิดกฎหมาย และละเมิดมาตรา 112 ไม่ควรมาเป็นรัฐบาล

พฤติกรรมของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่า เคยพาผู้ชุมนุมมาปิดสภาอย่างน้อย 2 รอบ ถือว่าเป็นประชาธิปไตยที่ไม่จริง เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องให้เกียรติผู้อื่น และต้องไม่ใช้ความรุนแรง

ส่วนฟาก ส.ส.นายเสมอกัน เที่ยงธรรม ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา บอกว่า พรรคชาติไทยพัฒนาไม่สามารถมีมติของพรรคได้ แต่เรียกว่าเป็นแนวทางที่ได้พูดคุยกัน เห็นพ้องกันว่าจะงดออกเสียง

ขณะที่ นายพิธาลุกขึ้นชี้แจงนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ที่อภิปรายเรื่อง ม.112 และศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

โดยนายชาดากังวลว่า ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ที่เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น ญี่ปุ่น, อังกฤษ, กัมพูชา, สวีเดน, เดนมาร์ก ได้ลงนาม ถ้าเราเข้าใจว่าพระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง และท่านใช้ทรงอำนาจผ่าน คณะรัฐมนตรี อยู่แล้ว ตรงนี้มันไม่เป็นประเด็นอย่างที่ท่านได้กล่าวหา

ส่วน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลเสนอนายพิธา เป็นแคนดิเดตนายกฯ และได้เสียง 312 เสียงจาก 8 พรรค ต้องได้ขึ้นเป็นนายกฯ ตามครรลองปกติของรัฐสภา

เรื่องควรเรียบง่าย แต่บรรยากาศที่เกิดขึ้นตลอด 2 เดือน จนถึงวันนี้ทำให้มีคำถามดังๆ นับล้านคน ที่กำลังเฝ้าดูการประชุมรัฐสภา หากนายกฯ คนใหม่ ไม่เป็นไปตามผลการเลือกตั้งแล้ว จะมีการเลือกตั้งทำไม ตกลงอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือเป็นของใคร และมีคำถามว่าตกลงประชาชนอยู่ตรงไหน ในระบอบประชาธิปไตย

และถึงเวลาประมาณ 15.30 น. นายพิธาลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้ง กรณี ม.112 และเจตจำนงในการเข้ามาเป็นรัฐบาลว่า ไม่ใช่เพื่อตนเองหรือพรรคก้าวไกล แต่เพื่อประเทศชาติ และสังคมที่ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“โรม” ย้ำ “พิธา”ยังบริสุทธิ์ปม “หุ้นสื่อ” ขอเดินหน้าโหวตนายกฯ แบบปี 62

วิวาทะเดือด “กลางสภา” โหวตนายกรัฐมนตรี

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่