วันนี้ (11 ต.ค.2566) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวถึงกรณี สส.คุกคามทางเพศว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบพฤติกรรม สส.ในกรณีดังกล่าวได้ เพราะยังไม่มีผู้ร้องเรียน ดังนั้นความจำเป็นที่จะต้องมีผู้นำฝ่ายค้านโดยเร็วที่สุด เพราะเรื่องคณะกรรมการจริยธรรม และคณะกรรมการสรรหาตำแหน่งต่างๆ ทางการเมือง ถ้าไม่มีผู้นำฝ่ายค้านก็จะดำเนินการไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่กลไกเดียวที่จะทำให้เกิดการตรวจสอบ
ตอนนี้เห็นหลักฐานที่ปรากฏตามหน้าสื่อ แต่สำคัญที่สุดจะต้องมีโอกาสชี้แจงแสดงหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องด้วย คาดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะนานเกินรอ
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับพรรคก้าวไกลบ้างหรือไม่ จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย เพราะเรื่องยังไม่มีการร้องถึงสภา แต่เรื่องร้องที่พรรคการเมือง พรรคการเมือง ก็มีคณะกรรมการจริยธรรมของตัวเอง และมีข้อบังคับของตนเอง ที่ไม่สามารถก้าวล่วงได้
ทางผู้ร้องมีสิทธิที่จะร้องทุกข์ทาง ทั้งทางพรรคหรือสภาก็ได้ แต่กลไกของสภายังไม่พร้อม จึงไม่สามารถหยิบยกเรื่องขึ้นมาพิจารณาเองได้ จะต้องมีผู้ร้อง เพราะไม่สามารถไปเก็บหลักฐานด้วยตัวเองได้ว่าแชตไลน์เหล่านี้เก็บอย่างเป็นธรรม และครบถ้วนหรือไม่ อย่างไร
ก้าวไกล ตั้งกรรมการสอบสอบสส.แชตไลน์หลุด
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการวินัยของพรรค กล่าวถึงกรณีที่นายวุฒิพงษ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต 2 ถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางเพศแชตหาทีมงานสาว ว่าพรรคก้าวไกลได้รับเรื่องร้องเรียนเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว มีกระบวนการในการตั้งกรรมการสอบวินัยเฉพาะกิจเพิ่มเติม
เนื่องจากเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ ได้สอบข้อเท็จจริงทั้งผู้ถูกกล่าวหาและผู้กล่าวหาที่อ้างว่าได้รับความเสียหาย รวมถึงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในการสืบหาข้อเท็จจริง ทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวอ้างถึงตัวบุคคล เอกสาร และหลักฐานจำนวนมาก ถือว่ากระบวนการยังไม่สิ้นสุด
เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีมูลหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้มีมูล แต่จะเป็นลักษณะความผิดแบบใด เข้าข่ายไปถึงขนาดไหน และจะตัดสินว่ามีความความผิดหรือไม่ มีระเบียบที่แตกต่างกัน เช่น กรณีกระทบชื่อเสียงพรรค ก็จะเป็นแบบหนึ่ง คุกคามทางเพศก็จะเป็นแบบหนึ่ง
โทษของกรณีนี้ หากผิดจริงก็ต้องถือว่าผิดวินัยร้ายแรง มีโทษสองสถานเท่านั้นคือตัดสิทธิ์ที่พึงมี ซึ่งรวมไปถึงการตัดสิทธิไม่ส่งลงสมัครลงเลือกตั้งครั้งหน้า และให้พ้นสมาชิกภาพของพรรค แต่ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะตอบ
มีการตั้งคณะกรรมการวินัยเพิ่มเติม ซึ่งเป็นสัดส่วนผู้หญิง 2 คน คือ ทนายแจม น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ และทนายก้อย น.ส.นิตยา มีศรี ที่ทำงานในประเด็นเหล่านี้ร่วมกับคณะกรรมการวินัยชุดเดิม