พรรคพลังปวงชนไทย
เพื่อคนไทยทั้งแผ่นดิน

เปิดสัมพันธ์ลึก (ไม่ลับ) การเมือง แก๊งรีดทรัพย์ อธิบดีกรมการข้าว

“ถ้าผมไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ไม่มีกล้องวงจรปิด ผมจะจับคนชั่วได้หรือ” ส่งคลื่นสัญญาณความถี่ชัดเจน เมื่ออธิบดีโจ “ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์” อธิบดีกรมการข้าว เปิดแถลงข่าวหลังมีการพาดพิงว่า “หมู” ที่ปรึกษาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นคนนำ “เจ๊ติ๋ม ลูกชาวนา” ธัญญรัตน์ ไชย์ศิริคุณากร ภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว นำเงินไปมอบให้ “ศรีสุวรรณ จรรยา” เมื่อ 28 พ.ย.66 โดยอ้างว่า ต้องการให้เรื่องร้องเรียนทุจริตเบิกจ่ายงบประมาณรัฐยุติลง และไม่ทำให้เสื่อมเสียต่อองค์กร

“ด้วยความรำคาญใจ ผมจึงตัดสินใจเดินทางไปบ้านของนายศรีสุวรรณ พร้อมด้วยภรรยาและพี่หมู รวม 3 คน โดยเอาพี่หมูไปเป็นพยาน แต่ไม่ได้ไปเคลียร์เรื่องการจ่ายเงิน แต่ไปถามว่า เพราะเหตุใดจึงร้องเรียนผม เพราะผลการสอบ สวนออกมาแล้วว่า ผมเองไม่ได้ผิดอะไรทั้ง 4-5 โครงการนั้น และหลังจากนั้นก็กลับออกมาจากบ้านนายศรีสุวรรณ …พี่หมูไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย ไม่ได้จ่ายเงิน ผมพูดความจริงเพราะแขวนพระอยู่เต็มอก ไม่ได้ไปเจรจาเรื่องการจ่ายเงินจ่ายทองอะไรทั้งนั้น”อธิบดีโจ ระบุ

หากพลิกดูสายสัมพันธ์ระหว่าง “ศรีสุวรรณ” และ “อธิบดีโจ” ทั้งสองคน แม้จะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เหมือนกัน แต่ก็ห่างกันถึง 4 รุ่น จึงไม่ได้พบกัน โดยศรีสุวรรณ อายุ 55 ปี เป็นรุ่นน้องจบจากคณะผลิตกรรมการเกษตร

อ่านข่าว จับกระแสการเมือง 30 ม.ค.2567 : เด็ดหัว “ศรีสุวรรณ” สะเทือนการเมือง 4 พรรคใหญ่ ปมเรียกทรัพย์

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว

ส่วนอธิบดีโจ “ณัฏฐกิตติ์” จบคณะเทคโนโลยีการเกษตร พืชศาสตร์ ดูวงเวียนชีวิตแล้ว คนหนึ่งทำกิจการเคลื่อนไหวมาตลอด แต่อีกคนหนึ่งรับราชการ เส้นทางชีวิตจึงไม่น่าจะมาเกี่ยวโยงกันได้ แต่ด้วยวิถีการเมืองไทยและการถูกใช้ประโยชน์ การถูกฝ่ายการเมืองเรียกใช้ และการเรียกรับผลประโยชน์ เพื่อทำลายฝั่งตรงข้าม สิ่งที่คาดไม่ถึง จึงสามารถเกิดขึ้นได้เพียงแค่กระพริบตา

ก่อนก้าวขึ้นตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว อธิบดีโจ “ณัฏฐกิตติ์” เคยเป็นเกษตรจังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดสกลนคร ในกรมส่งเสริมการเกษตรมาก่อน และหลังจากนั่งในตำแหน่งรองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเพียง 2 เดือน ก็ขยับเป็นรองอธิบดีกรมการข้าว และเป็นอธิบดีในเวลาต่อมา

มีข้อมูลระบุว่า เมื่อเดือนส.ค.2566 อธิบดีโจ เคยปรึกษาทนายความว่า ถูกกลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันข่มขู่เรียกทรัพย์จริง จนถึงปัจจุบัน และมีผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวหลายคน ต้องการจะโค่นอธิบดีฯ โดยมีนักการเมืองใหญ่ อักษรย่อ “ป.” รวมอยู่ด้วย

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์

นักการเมืองใหญ่อักษร ป.ที่ว่านั้น เคยอยู่ร่วมรัฐบาล และปัจจุบันเป็น 1 ใน 4 พรรคร่วมรัฐบาล กำลังถูกตรวจสอบเรื่องขบวนการหมูเถื่อน แน่นอนเลี่ยงไม่พ้นที่จะถูกโยงกับธุรกิจครอบครัวของอธิบดีกรมการข้าว 

ในขณะที่กระทรวงเกษตร ภายใต้การนำของผู้กองธรรมนัส “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็มีทีมเฉพาะกิจตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเช่นกัน และถ้าจำกันได้ ความพัวพัน เชื่อมโยงในคดีเรื่องหมูเถื่อน ก็หนีไม่พ้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และคนสนิทนักการเมือง ที่บางส่วนดีเอสไอได้ส่งคดีล็อตแรกให้กับป.ป.ช.ไปแล้ว 

อ่านข่าว “อธิบดีกรมการข้าว” ยันวางแผนล่อซื้อ “ศรีสุวรรณ” ไม่เกี่ยวที่ปรึกษา “ธรรมนัส”กลับมาที่ความสัมพันธ์ระหว่าง “ศรีสุวรรณ”และ “เจ๋ง ดอกจิก” หรือ ยศวริศ ชูกล่อม อดีตคนเสื้อแดง ในอดีต จะเห็นว่าทั้ง 2 คน น่าจะอยู่คนละสีและคนละฝ่าย จนกระทั่งในช่วงกว่า 1 ปี ที่ผ่านมา หลักฐานที่ปรากฏผ่านหน้าเพจเฟซบุ๊คของศรีสุวรรณ

จะเห็นว่า ตั้งแต่ปี 2566 ทั้ง 2 คนมักปรากฏตัวพร้อมกันไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณสภาผู้แทน เพื่อขอให้ตรวจสอบการการจัดซื้อจัดจ้างโครงการประกวดราคา ซื้อเครื่องบินขนาดกลางของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งพบกลิ่นไม่ดี

จุดเชื่อมต่อที่ทำให้ “ศรีสุวรรณ” และ ”เจ๋ง ดอกจิก” ทำงานสอดประสานกัน ไม่มีใครรู้ว่า เกิดขึ้นก่อนหรือหลังจาก “เจ๋ง” ในฐานะอดีตแนวร่วมแกนนำ นปช.ออกมาอยู่พรรคเพื่อชาติ และเข้ามาช่วยงานที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 โดย “เจ๋ง” ได้ควง “สมหวัง อัศราศี” อดีตแนวร่วมนปช. เข้ามาช่วยพรรคฯ

แต่ทั้ง 2 คนไม่ได้สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ แต่ทั้ง 2 คนไม่ได้สามารถสมัครเป็นสมาชิก พรรคฯได้ โดยเฉพาะ“เจ๋ง” ศาลมีคำสั่งตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี เหลืออีก 4 ปี และจะพ้นมลทินทางเมืองในวัย 70 ปี

ในครั้งนั้นผู้กว้างขวางที่ชักนำให้ เจ๋ง และสมหวัง หรือ เฮียหวังเข้าสู่สนามการเมืองเพื่อมาช่วยงานในฐานะกองเชียร์ “รวมใจรักชาติ” คือ “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ แต่ในที่สุด “เจ๋ง” ก็ไปไม่รอด และติดกับดักตัวเอง ตกเป็นผู้ต้องหาคดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

อ่านข่าว เด้ง “เจ๋ง ดอกจิก” พ้นที่ปรึกษาประธาน กมธ.กิจการศาลฯ

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ ไหว้ ร.อ.ธรรมนัส หลังมาร่วมแถลงช่วงท้าย

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ ไหว้ ร.อ.ธรรมนัส หลังมาร่วมแถลงช่วงท้าย

ไม่ต่างจาก “การ์ตูน” หรือ พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัครสมัครส.ส.เขต 1 จังหวัดอุตรดิตถ์ ปี 2562 พรรคเพื่อชาติ ซึ่งเป็นพรรคของ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ซึ่งขณะนั้น “เจ๋ง” ลงไปพื้นที่ไปช่วยหาเสียงจึงทำให้รู้จักกับ “การ์ตูน”พิมณัฏฐา มาก่อนที่จะย้ายมาลงสมัคร สส.ที่พรรค รทสช. แต่แพ้การเลือกตั้งชนิดไม่เห็นฝุ่น ได้แค่พันกว่าคะแนน ส่วนผู้ชนะ “กนก ลิ้มตระกูล” จากพรรคเพื่อไทยกวาดไปถึงห้าหมื่นคะแนน

แล้วทั้ง 3 คน ศรีสุวรรณ-เจ๋ง “ยศวริศ”-การ์ตูน “พิมณัฏฐา” เข้ามาร่วมในขบวนการรีดทรัพย์นี้ได้อย่างไร ในวงการสีเทาเรื่องผลประโยชน์ แม้จะอยู่กันคนละฝ่าย เมื่อทุกอย่างลงตัว การ “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” จึงไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย

การถูกเปิดแผลเรื่องทรัพย์สิน การซื้อบ้าน รายรับที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่า นอกจากการรับงานจากฝ่ายการเมืองแล้ว จะต้องมีผู้ชงข้อมูลและเรื่องร้องเรียนให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ว่ากันว่า ขบวนการดังกล่าวไม่ได้มีแค่ 3 คน

แต่ยังมีผู้ร่วมขบวนการทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย และหนึ่งในจำนวนนั้น มีข้าราชการและบุคคลเข้าไปเกี่ยวข้องและทำข้อมูลให้ทีมรีดทรัพย์ นำไปใช้ โดยสังเกตได้จาก ในแต่ละสัปดาห์จะมีเรื่องร้องเรียนเฉลี่ย 3-4 เรื่อง

ทางตรงคือ การรับงานจากฝ่ายการเมือง ซึ่งระดับ “บิ๊กเนม”ไม่ได้ลงมาสั่งการเอง แต่จะมอบหมายให้ทีมไปจัดการและจ่ายค่าจ้างให้นักร้อง นำเรื่องไปร้องเรียนตัวบุคคล ข้าราชการ หรือนักการเมือง ฝั่งตรงข้ามหรือขั้วเดียวกัน เพื่อสร้างข่าวเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้มาตรวจสอบ

อ่านข่าว ลูกน้องถูกรังแก “ธรรมนัส” ฟาดเหยื่อล่อปลา ระวังตายเพราะปาก

ส่วนทางอ้อม คือ การรับเรื่องร้องเรียนเอกชนที่เกี่ยวข้องในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐว่ามีการกระทำที่ส่อเค้าไปในทางมิชอบ หรือพบพิรุธ ในโครงการ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า อาจมีการเรียกรับผลประโยชน์จากฝ่ายที่ถูกร้อง เพื่อให้เรื่องเงียบ และตัดปัญหาการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เรื่อง จบๆกันไป

คดีรีดทรัพย์ ยังไร้คลื่นสัญญาณตอบรับจาก 3 ผู้ต้องหา ศรีสุวรรณปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 400,000 บาท และจะขอกลับไปทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร เช่นเดียวกับ “เจ๋ง ยศวริศ” และ “การ์ตูน-“พิมณัฏฐา”

ขณะที่ข้อมูลจากชุดจับกุมระบุว่า คดีนี้จะต้องทำด้วยความระมัดระวังและรอบคอบให้มากที่สุด เนื่องจากต้องการมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า ไปชนหรือแตะกับใครบ้าง และหากพบก็ต้องสอบขยายผลเพิ่มเติม แตะถึงใครก็ต้องสาวไปให้ถึง ไม่ว่าผู้เกี่ยวข้องจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม

 

ทิ้งคำตอบไว้

อีเมล์ของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More