การแลกเปลี่ยนตัวประกันอิสราเอลและนักโทษปาเลสไตน์ครั้งที่ 3 ระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอลดำเนินการต่อไป ในขณะที่สหรัฐฯ แสดงความหวังว่าจะมีการขยายเวลาการพักรบ 4 วันให้เลยจากวันจันทร์ (27 พ.ย.) ไปอีก อย่างไรก็ดี อิสราเอลระบุว่าการสู้รบจะยังคงเกิดขึ้นในเวลาอีกยาวไกล
ทางการอิสราเอลระบุว่า กลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกัน 17 คน รวมทั้งพลเมืองสัญชาติรัสเซีย 1 คน และพลเมืองสัญชาติไทยอีก 3 คน ทั้งนี้ ชาวอิสราเอลที่ถูกปล่อยตัวออกมาล้วนเป็นผู้หญิงและเด็ก ในขณะที่ทางการอิสราเอลได้ทำการปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์ 39 คน รวมถึงผู้หญิงและเด็ก ออกจากเรือนจำของอิสราเอล นอกจากนี้ การพักรบยังช่วยให้ความช่วยเหลือสามารถถูกส่งเข้าไปยังพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซาที่ถูกอิสราเอลโจมตีอย่างหนักได้แล้ว
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวแสดงความยินดีกับการปล่อยเด็กหญิงตัวประกันวัย 4 ขวบ สัญชาติอิสราเอล-สหรัฐฯ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังกล่าวอีกว่าเขาอยากเห็น “การหยุดชั่วคราวดำเนินต่อไปตราบใดที่นักโทษได้รับการปล่อยตัว” และฝ่ายบริหารของเขาจะ “ยังคงมีส่วนร่วมเป็นการส่วนตัวต่อไป เพื่อดูว่าข้อตกลงนี้ได้รับการปฏิบัติอย่างเต็มที่ และดำเนินการเพื่อขยายข้อตกลงเช่นกัน”
ทั้งนี้ กลุ่มฮามาสส่งสัญญาณแสดงความเต็มใจที่จะขยายเวลาการพักรบต่อไป โดยมีแหล่งข่าวระบุกับสำนักข่าว AFP ว่า กลุ่มฮามาสกล่าวกับตัวกลางผู้ดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยกับอิสราเอลว่า พวกเขาเปิดกว้างที่จะขยายเวลาการพักรบออกไปอีก “2-4 วัน” โดย “กลุ่มต่อต้าน (ฮามาส) เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการรับประกันการปล่อยตัวนักโทษชาวอิสราเอล 20 ถึง 40 คน” ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว หากมีการขยายเวลาการพักรบออกไปอีก
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวระหว่างการเยือนกองกำลังอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งถือเป็นการเยือนฉนวนกาซาครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีอิสราเอลนับตั้งแต่ปี 2548 ว่า “เราจะดำเนินต่อไปจนถึงที่สุด จนกระทั่งได้รับชัยชนะ ไม่มีอะไรจะหยุดเราได้”
นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (26 พ.ย.) ด้วยว่า เขาได้กล่าวกับไบเดนผ่านทางโทรศัพท์ว่า อิสราเอลจะกลับมาเดินหน้าการทำสงครามอย่างเต็มกำลังเมื่อการพักรบกับฮามาสสิ้นสุดลง แต่เขายินดีที่จะขยายเวลาการพักรบออกไป หากจะมีการอำนวยความสะดวกในการปล่อยตัวตัวประกันเพิ่มเติมอีก 10 คน ภายในระยะเวลาทุกวันตามที่มีการตกลงกัน ภายใต้ข้อตกลงเดิมที่มีกาตาร์เป็นตัวกลางในการเจรจากับฮามาส
กาตาร์กล่าวว่ากลุ่มฮามาสจำเป็นต้องค้นหาตัวประกันหลายสิบคน เพื่อขยายเวลาการพักรบกับอิสราเอล โดย ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน อัล ทานี นายกรัฐมนตรีกาตาร์ กล่าวว่า มีการเชื่อว่ามีผู้หญิงและเด็กอย่างน้อย 40 คนถูกควบคุมตัวในฉนวนกาซา แต่ไม่ได้ถูกควบคุมตัวภายใต้กลุ่มฮามาส “หากพวกเขารับผู้หญิงและเด็กเพิ่ม จะมีการต่อเวลาออกไป” ชีค โมฮัมเหม็ด กล่าวกับ The Financial Times ในการให้สัมภาษณ์ “เรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าพวกเขาจะหาได้กี่คน เพราะ… จุดประสงค์ประการหนึ่ง (ของการหยุดชั่วคราว) คือพวกเขาจะมีเวลาค้นหาผู้สูญหายที่เหลือ”
การพักรบในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการหยุดชั่วคราวครั้งสำคัญครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ของสงครามอิสราเอล-ฮามาส ซึ่งเป็นสงครามที่มีความร้ายแรงมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ และทำลายล้างชีวิตประชาชน และทำให้เกิดการพลัดถิ่นเป็นครั้งใหญ่ทั่วฉนวนกาซา
สงครามอิสาราเอล-ฮามาสในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มฮามาสบุกทะลวงรั้วรอบฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ก่อนที่จะทำการเข้าโจมตีชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอล ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 1,200 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ยังมีผู้ถูกลักพาตัวไปมากกว่า 240 ราย รวมทั้งทารก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทหาร และคนงานชาวต่างชาติในนิคมเกษตรกรรม
ในทางกลับกัน ตามการระบุของกระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซาที่ปกครองโดยกลุ่มฮามาส มีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 13,300 คนถูกสังหาร โดยการรุกทางอากาศและพื้นดิรของอิสราเอล ที่เริ่มขึ้นหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาส โดยผู้เสียชีวิตประมาณ 2 ใน 3 นั้นเป็นผู้หญิงและเด็ก นอกจากนี้ ประชาชนในฉนวนกาซากว่าล้านคนถูกบังคับให้กลายเป็นผู้พลัดถิ่นในดินแดนของตัวเอง
ภายใต้แรงกดดันจากนานาชาติอย่างรุนแรง อิสราเอลได้ตกลงที่จะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 150 คน และอนุญาตให้รถบรรทุกช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมากถึง 300 คันเดินทางเข้าไปในฉนวนกาซาได้ หลังจากช่วงเวลาหลายสัปดาห์ของการปิดกั้นเชื้อเพลิง อาหาร ยา และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดภัยพิบัติวิกฤตด้านมนุษยธรรมเฉียบพลัน
ที่มา:
