เป้าหลักของฝ่ายค้านหนีไม่พ้นงบฯ กองทัพ สังกัดกระทรวงกลาโหม ที่พรรคก้าวไกลประกาศจองกฐินมาก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นงบด้านเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง งบกลางที่มักมีซ่อนแอบสำหรับใช้ได้สาระพัด งบประมาณแฝงในแต่ละกระทรวง และที่เพิ่มมาคืองบฯ ด้านซอฟต์เพาเวอร์
ส่วนที่ขาดไม่ได้คือ งบฯ กรมราชทัณฑ์ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตกเป็นเป้าในลำดับต้น ๆ เพราะเกี่ยวโยงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาด แต่ถูกเปรียบเทียบเป็นนักโทษเทวดา นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ต่างจากนักโทษหรือผู้ต้องขังเด็ดขาดคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีเอกสิทธิ์ใด ๆ
อ่านข่าว : “ฝ่ายค้าน” จ่อถกงบฯ ปี 67 ตั้งเป้า 4 วิกฤติ คาดโหวตตั้ง กมธ.ไม่เกิน 4 ทุ่ม
จึงเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ต้องโดนชำแหละ อภิปรายอย่างเข้มข้น เพราะหลายปีที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์เกิดปัญหาได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ทำให้มีหนี้ค้างชำระค่าสาธารณูปโภค เป็นเงินก้อนใหญ่ร่วม 100 ล้านบาท เช่นงบฯ ในปี 2564
ถูกตั้งคำถามว่า การใช้งบฯ เหมาะสมหรือไม่ เมื่อมีความเหลื่อมล้ำ หวังช่วยเหลือใครบางคนเป็นพิเศษ อย่างที่นายสมชาย แสวงการ ประธานกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ระบุชัดว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้ดำเนินการอะไร แม้แต่จะส่งคนไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า ยังพักอยู่จริงบนชั้น 14 หรือไปอยู่ที่อื่น
นายสมชายระบุว่า กรมราชทัณฑ์ที่ออกระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา อ้างว่าเป็นผลจากการร้องขอของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ต้องการให้ลดความแออัดของเรือนจำลง
โดยจัดส่งนักโทษไปคุมขังนอกเรือนจำนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมา ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีหลายหน่วยงานที่มีบทบาท และช่วยให้มีจำนวนนักโทษในเรือนจำลดลงอย่างชัดเจนจากหลายมาตรการ ไม่ใช่เพิ่งจะลดได้เพราะประกาศฉบับนี้
กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนที่นายสมชายเป็นประธาน ยังได้แจ้งขอเอกสารหลายรายการจากกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้เกิดความกระจ่าง ทั้งรายงานของกรมราชทัณฑ์ ที่ต้องจัดทำกรณีนักโทษถูกส่งไปรักษาตัวนอกเรือนจำที่โรงพยาบาล ครบ 30 วัน 60 วัน และ 120 วัน กรณีนายทักษิณ พร้อมความเห็นของแพทย์ที่ทำการรักษา กับเวชระเบียนคนไข้ที่แพทย์ผู้ทำการรักษาและตรวจรักษาอาการไข้ต้องลงอาการตลอด รวมทั้งขอภาพถ่ายของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่ต้องถ่ายคู่กับคนป่วยที่ส่งตัวไปนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลทุก 2 ชั่วโมง
ทั้งตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดกล้องวงจรปิดที่ต้องบันทึกภาพความเคลื่อนไหวต่าง ๆ จึงเสีย ต่างจากกรณีของ “แป้งนาโหนด” ที่มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ทั้งหมด แม้แต่การเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดคนไข้ในวันที่หลบหนี แต่กล้องวงจรปิดกลับไม่ทำงาน ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่กรมราชทัณฑ์ต้องดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ใช้ได้ตลอด นายสมชายยังแนะฝ่ายค้านและกรรมาธิการงบประมาณ ปี 2567 ตัดงบฯ กรมราชทัณฑ์ออกทั้งหมด
เท่ากับเป็นสัญญาณในทีว่า หากร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ผ่านสภาผู้แทนฯ เข้าสู่วุฒิสภา งบฯ กรมราชทัณฑ์จะต้องถูกจัดหนักจัดเต็มจาก สว. อย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะที่ในด่านสภาผู้แทนราษฎร อย่างน้อยที่สุด ต้องเจอกรรมาธิการตำรวจ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงท่าทีกังขาเรื่องนี้มาตลอด ถึงขั้นจะนำกรรมาธิการไปตรวจสอบที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วย
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะมีท่าทีขึงขังจากนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หนึ่งในวิปรัฐบาล และอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ประกาศดักคอฝ่าย ค่ายและห้ามแตะปมนายทักษิณ หาไม่แล้วจะเจอประท้วงจากฝ่ายรัฐบาล สอดคล้องกับนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีราชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรองหัวหน้าพรรค ที่ออกโรงปรามฝ่ายค้านอย่างหลงประเด็น ว่าเป็นการอภิปรายงบประมาณ ไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
เพราะประเมินแล้วว่า งานนี้คงไม่แคล้วถูกพาดพิงไปถึงเรื่องนายทักษิณอย่างไม่เลี่ยงไม่พ้น
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา
อ่านข่าวอื่นๆ
ไล่ออก 2 ลูกจ้างเกาะพีพี ยิงคาบ้านพักปมทะเลาะวิวาท
“นักตบลูกยางสาว” ทีมชาติไทยปลอดภัย แผ่นดินไหวญี่ปุ่น