อัยการคดีพิเศษ -ปปง.หนุนพัฒนาร่างกฎหมายฟอกเงินใหม่จากเดิมยืม วิ เเพ่งมาใช้ ‘วิรุฬห์’อธ.อัยการคดีพิเศษหนุนเเนวคิดต้องปรับปรุงทำกฎหมายใหม่ชี้ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีการตามยึดสินทรัพย์ดิจิทัล ‘เอกรักษ์’รองเลขาฯปปง.เผย’ ชนินทร์’ผู้ต้องหาสตาร์คโยกเงินไปอังกฤษ8 พันล้าน
เมื่อวันที่ 12 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรม โอโซ่ นอร์ธ พัทยา จังหวัดชลบุรี วิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เเละเทพสุ บวรโซติดารา เลขาธิการ ปปง. สำนักงาน ปปง.
ร่วมกันเป็นประธานเปิดงานสำนักงานโครงการบูรณาการการปฏิบัติงานตามกฎหมายฟอกเงินและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานอัยการสูงสุดเข้าร่วม อาทิเช่น ประยุทธ เพชรคุณ เเละสมคิด สายเจริญ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (รองเลขาฯ ป.ป.ง.) พร้อมด้วยข้าราชการจากสำนักงานอัยการคดีพิเศษเเละสำนักงาน ปปง.เข้าร่วมสัมนา
วิรุฬห์ กล่าวว่าสำหรับโครงการสัมมนากฎหมายฟอกเงินที่ทางสำนักงาน ปปง. ได้จัดให้มีขึ้นร่วมกับสำนักงานอัยการคดีพิเศษ โดยได้รับการอนุมัติจากอัยการสูงสุด ต้องขอบคุณที่ให้สำนักงานอัยการคดีพิเศษเราได้มาร่วมสัมมนา นับเป็นโครงการที่มีประโยชน์เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานปปง.
ในเรื่องของขั้นตอนการดำเนินงานตามกฎหมายการฟอกเงินหรือ พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวมถึงประเด็นแนวทางที่ต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ทิศทางในการดำเนินคดี หรือเรื่องขั้นตอนและประสบการณ์ต่างๆ ต้องกล่าวว่าตอนนี้เทคโนโลยีได้ก้าวล้ำไปมากจนเราต้องเดินตามให้ทันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี
มันก้าวล้ำไปถึงออกลักษณะที่แตกต่างกับการฟอกเงินโดยทรัพย์สินอื่น เช่นทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์อื่นก็ต้องขอบคุณสำนักงานปปง. ที่ได้เชิญผู้ที่ ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิตอลมาร่วมสัมมนาในวันนี้ด้วย ซึ่งผู้บริหารสำนักงานปปง.ได้ให้ความเห็นไว้อย่างน่าฟังว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่อย่างเช่นว่าในขณะที่มีการซื้อขายในขณะเกิดเหตุหรือกระทำความผิดมันจะมีมูลค่าอาจจะสูงแต่พอมีการบังคับคดีหลังจากศาลที่ให้ยึดทรัพย์สินมูลค่าจะลดลงหรือมากขึ้นก็ได้
หรืออาจจะไม่มูลค่าเลยซึ่งหากว่าไม่มีมูลค่าเลยหรือมูลค่าต่ำมากๆการบังคับคดีหลังจากศาลท่านพิพากษาและมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินแล้วมันจะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายหรือไม่ เพราะถ้ามันไม่มีมูลค่าเลยหากอายัดมาก็เสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการโอนต่างๆและยังมีการแลกเปลี่ยนกันในเรื่องปัญหาที่ประสบมาในแง่กฎหมายและในด้านข้อเท็จจริง พยานหลักฐานขั้นตอนต่างๆในการดำเนินคดีของสำนักงาน ปปง.และอัยการในสำนักงานคดีพิเศษ
ตรงนี้อันนี้จริงๆแล้วกฎหมายฟอกเงินถือว่าเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะว่ามีคดีเป็นจำนวนมากและเป็นคดีที่ยากแก่การดำเนินคดีมากกว่าคดีทั่วๆไป และเป็นคดีที่มีอยู่ทั่วราชอาณาจักร อยู่ในอำนาจของสำนักงานอัยการในภูมิภาคด้วยโดยเฉพาะคดีอาญา แต่ถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับขอให้ริบทรัพย์ไม่ว่าจะเกิดที่ใด ก็จะเป็นอำนาจของสำนักงานปปง.และสำนักงานอัยการคดีพิเศษในการขอให้มีทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน แต่ในด้านของคดีอาญาอยู่ในอำนาจของอัยการในส่วนกลาง
สำนักงานคดีพิเศษจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะให้อัยการมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องข้อกฎหมายข้อเท็จจริงขั้นตอนและพยานหลักฐานโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัยการที่เข้าใหม่บางทีพอไปเจอคดีแบบนี้เข้าซึ่งก็เกิดขึ้นมาแล้วมันมีผู้เสียหายจำนวนมากในความผิดมูลฐานพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารมีเป็นหลายลังหลายกล่องต่อ1คดียากแก่การดำเนินคดี ไม่ว่าจะระบุพยาน ตรวจพนาน ว่าความ สั่งคดี ยากมากจึงเป็นความรู้ใหม่ที่มันจำเป็นต้องใช้ได้อย่างเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็ถือว่าโครงการนี้มีประโยชน์เป็นอย่างมาก
จะเห็นได้ว่าการขอยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาลฎีกา หรือตามความเห็นของอัยการคดีพิเศษหรือ ปปง.ก็ดี จะเห็นว่าการขอยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินหรือการฟอกเงินมันไม่ได้เป็น คดีเเพ่งโดยเนื้อเเท้จึงมีการนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความเเพ่งมาใช้โดยอนุโลม หรือก็คือยืมมาใช้เท่านั้น ซึ่งทางผู้บริหารของสำนักงานปปง. เองก็ตั้งข้อสังเกตว่าต่อไปควรจะมีขั้นตอนการดำเนินคดีฟอกเงินเช่นเดียวกับกฎหมาย วิ.เเพ่ง เช่นจะออกมาในรูปของกฎหมายวิธีพิจารณาความคดีฟอกเงินต่างๆหรือไม่ หรืออาจจะออกมาในแง่กฎระเบียบของหน่วยงาน อันนี้เป็นแนวทางของการปรับปรุงกฎหมาย
ในแง่ของข้อเท็จจริงแล้วก็พยานหลักฐานต่างๆที่ส่งมาในฐานะอัยการในฐานะเจ้าหน้าที่ปปง.ก็จะมาแลกเปลี่ยนกันว่ามีประสบการณ์ที่เห็นแล้วว่ามีอุปสรรคอย่างไรก็จะมาแลกเปลี่ยนและมาแชร์กันแนวทางการแก้ไข แล้วก็ก้าวต่อไปของทั้งในด้านกฎหมายการดำเนินคดีต่อไปว่าควรทำอย่างไรถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในขณะนี้ไอทีหรือเทคโนโลยีมันได้ก้าวไปมากเราก็ต้องติดตามและตามติดให้ทันสำนักงานสำหรับการดำเนินคดีฟอกเงินในลักษณะประเภทเทคโนโลยีเป็นต้น
“ตอนนี้มาตรา 59 ของ พรบ.ป้องกันเเละปราบปรามการฟอกเงินให้ขั้นตอนการดำเนินคดีขอให้ยึดทรัพย์สินของแผ่นดินอันมีมูลหากแต่การฟอกเงินให้ประมวลกฎหมายวิธีความแพ่งโดยมาใช้โดยโดยอนุโลม เท่านั้นโดยอนุโลมคือยืมมาใช้เพราะมันไม่ใช่คดีแพ่งโดยเนื้อแท้ แต่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยและเห็นสมควรให้เอาไว้ดังนั้นก็ควรจะต้องแยกขั้นตอนการดำเนินคดีฟอกเงินในส่วนของการยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินแยกออกมาตามฐานจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
ควรจะมีกฎหมายและขั้นตอนพิเศษต่างจากคดีแพ่งทั่วไปซึ่งคดีแพ่งทั่วไปจะเริ่มจากโจทก์ไปยื่นฟ้องต่อศาล แต่กระบวนการของกฎหมายฟอกเงินหรือการดำเนินคดีฟอกเงินจะเริ่มจากการตรวจสอบของสำนักงานปปง. ซึ่งเป็นพนักงานของรัฐในการพิจารณาตรวจสำนวนของอัยการก่อนที่จะนำคดีนี้ขึ้นสู่ศาลจะต้องมีการดำเนินคดีแยกออกมาต่างหากรวมทั้งวิธีการสืบพยาน
แนวคิดต่างๆจากกฎหมายแพ่งเพราะว่าแนวคิดของมันเนี่ยเกี่ยวกับการริบทรัพย์สินที่เกิดจากการฟอกเงินหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทำผิดมันมีแนวคิดเพื่อตัดวงจรอาชญากรรม มันมีแนวคิดเป็นกรณีที่มุ่งตัวทรัพย์สินมากกว่าตัวบุคคล ซึ่งต่างจากคดีอาญาการฟอกเงิน ภาระการพิสูจน์ก็จะเเตกต่างกันออกไป ดังนั้นคิดว่าในส่วนของการแก้ไขกฎหมายฟอกเงินโดยแยกขั้นตอนดำเนินคดีออกไปต่างหากดังเช่นที่ผู้บริหารของสำนักงานปปง.เเละอัยการเราห็นสอดคล้อง”อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ระบุ
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาฯ ป.ป.ง.ได้กล่าวในงานสัมนาว่าช่วงหนึ่งว่า เราอาจจะมานั่งเขียนกฎหมายไว้ว่าเจ้าหน้าที่ ปปง.มีอำนาจในการสอบสวนคล้ายๆกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ คือคดีต้องเข้าหลักเกณฑ์ มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค ต้องมีผู้มีความรู้ความสามารถในเรื่องนี้มานั่งทำ จึงจะทำให้คดีไวขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันสุดท้ายอย่างที่ ท่านวิรุฬห์กล่าวไว้คดีฟอกเงินนั้นเป็นคดีไฮบริดที่เป็นอาญาส่วนนึงและแตะคดีแพ่ง วันนี้หากเรามานั่งรวมข้อมูลเสร็จและปัญหา อุปสรรคในการปฏิบัติหรือการเทียบเคียงกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้กับสำนวน
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ยังกล่าวอีกประเด็นว่าต่อไปการยึดทรัพย์ว่า รถ ปืนเงินสด ทองคำ อัญมณี มีแนวโน้มจะลดลงเนื่องจากกฎหมายฟอกเงินเอามาใช้ตั้งแต่ปี2542 ซึ่ง20ปีมานี้คนร้ายมีพัฒนาการและดูทีวีเห็นว่าคนอื่นโดนปปง. ยึดโดนตำรวจยึดอะไรได้บ้างเพราะฉะนั้นแนวโน้มในการเก็บรักษาทรัพย์ในการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิดมาในอนาคตจาก สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Physical Asset) มาเป็น สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ซึ่งกฎหมายเราเองยังเขียนไม่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนเงินหรือทรัพย์สินที่มีค่ากลายเป็นคริปโทเคอร์เรนซี แล้วออก E wallet (กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์) ออกไปต่างประเทศ เราจะทำอย่างไร โดยเฉพาะคดีทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น
โกงเงินไปกว่า 2หมื่นล้านบาทจากข้อมูลทางการสืบสวนสอบสวนที่เรามี เชื่อว่านายชนินทร์ โยกเงินไปอยู่ที่อังกฤษอีกประมาณ8,000ล้าน แต่เส้นทางการเงินมันไม่ได้โอนจากธนาคารไทยพาณิชย์ไปยังธนาคารเเบงค์ออฟลอนดอนมันไม่ใช่เเบบนั้น มันมีการขนย้ายถ่ายเท ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ที่มาที่ไปได้ แต่ปลายทางอยู่ดีๆเขามีเงิน 8พันล้านบาทที่อังกฤษได้เสวยสุขในทางกฎหมาย ถ้า ปปง.ต้องการตามมันกลายเป็นกองคดีระหว่างประเทศของอัยการ มันกลายเป็นตำรวจต่างประเทศมันกลายเป็นหน่วยงานอื่น ซึ่งเงินของคนไทยที่ถูกโกงไปเราจะเอากลับมาทำอย่างไรในขั้นตอนที่มันสั้นและมีประสิทธิภาพตรงนี้อาจจะต้องมานั่งระดมความเห็นเพราะว่าการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล
ตอนนี้กำลังจะเข้าสภานิติบัญญัติในหลักการโอเคแต่ว่าปลีกย่อยจะต้องแปลญัตติในชั้นกรรมาธิการถ้าได้ข้อคิดเห็นหรือข้อมูลเป็นประโยชน์จากอัยการ มันจะทำให้เราสามารถไปชี้แจงกับกระบวนการนิติบัญญัติแล้วเขียนกฎหมายให้สมบูรณ์ออกมาแล้วจะเป็น ปปง.หรืออัยการคดีพิเศษก็สามารถใช้กฎหมาย นี้บังคับใช้กับคนร้ายเเละทรัพย์สินที่อยู่ในกระบวนการของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตรงนี้ก็ต้องรบกวนช่วยเหลือ เพราะว่าความเห็นบางเรื่องก็ต้องมองว่าอัยการสำนักงานคดีพิเศษส่วนใหญ่จะมีประสบการณ์ค่อนข้างเยอะในขณะเดียวกัน ปปง.เองก็ทำงานในกึ่งแพ่ง บางทีมุมมองหลายมุมมองที่เราอาจจะมองไม่เห็นแต่อัยการมองเห็นก็ให้คำชี้แนะเพื่อเรานำมาเป็นข้อมูลและนำไปใช้ได้ต่อไป