ดีเดย์พรุ่งนี้ (24 ม.ค.2567)แฟนคลับพรรคก้าวไกล เตรียมรอลุ้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำพิพากษากรณี “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คดีถือครองหุ้นสื่อไอทีวี แม้ศาลฯจะนัดฟังคำวินิจฉัยในเวลาบ่ายสองโมงตรง
แต่ที่มาก่อนล่วงหน้า คือ “มรณสักขี”นิยามใหม่การเมืองของ “ป็อก” ดร.ปิยะบุตร แสงกนกกุล ที่โพสเฟซบุ๊ค ระบุว่า การให้ ธนาธร จุงรุ่งเรืองกิจ พ้นจากสส. การยุบพรรคอนาคตใหม่ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหาร 10 ปี พิสูจน์แล้วว่า ไม่สามารถนิยมของธนาธร ไม่สามารถทำลายพลังของกลุ่มก้อนนี้ได้ ตรงกันข้ามพวกเขาได้รับความนิยมมากกว่าเดิม
อ่านข่าว : เปิดเซฟ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ทรัพย์สินกว่า 65 ล้านบาท
คดีสำคัญในศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 24 และ 31 ม.ค.นี้ก็เช่นเดียวกัน หากผลการตัดสินอออกมาไม่เป็นคุณกับ “พิธา”และพรรคก้าวไกล
พิธา, ชัยธวัช ตุลาธน และพรรคก้าวไกล ก็จะกลายเป็น “มรณสักขี” เหมือนดังเช่นพรรคอนาคตใหม่ ยิ่งได้รับความนิยม ยิ่งได้รับความสนับสนุน และเมื่อการเลือกตั้งครั้งถัดไปมาถึง ก็ง่ายมากที่พลังทางการเมืองกลุ่มก้อนนี้ จะได้เกิน 250 เสียง
ฟังนิยามแล้วดูเหมือนพรรคก้าวไกลและดร.ป็อก จะมั่นใจว่า “พิธา”จะได้กลับคืนสู่สภา และก้าวไกลก็ได้อยู่ต่อยาวไป แต่จะเป็นไปตามคาดหวังหรือไม่นั้น กาลเวลาจะให้คำตอบ
สยบข่าวปรับครม.ราบคาบ เมื่อ “เสี่ยอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. พาณิชย์ ประกาศชัด ยังไม่มีสัญญาณ ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลและทีมงานรัฐบาลก็ทำงานร่วมกันดี และวันที่ 25 ม.ค.นี้พรรคร่วมรัฐบาลมีนัดรับประทานอาหารประจำเดือนร่วมกัน พร้อมหน้าพร้อมตากับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
งานนี้ “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเป็นเจ้าภาพที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านจังหวัดปทุมธานี ผ่านพ้นทำงานมาได้เพียง 4 เดือน เงินดิจิทัลวอลเลต10,000 บาท ยังไม่รู้จะออกหัว ออกก้อย แต่กระแสโยนหินถามทาง ก็ผุดขึ้นมาตลอด เนื่องจากยังมีเก้าอี้รัฐมนตรีว่างอยู่อีก 2 ตำแหน่ง และหากจะปรับจริง ก็คงไม่กระทบกระเทือนใคร
และระยะยาวต้องคงจับตามอง ชนิดกระพริบตาไม่ได้จะมีการปรับทัพเสริมเก้าอี้เสนาบดีอีกหรือไม่ ส่วนค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่มักจะถูกโยงว่า เป็นพรรคอะไหล่เพื่อรอเสียบร่วมรัฐบาลนั้น “เสี่ยอ้วน”ภูมิธรรม ย้ำชัดว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้าน ร่วมกับก้าวไกล และยังไม่เคยพูดว่าจะดึงปชป.มาร่วมรัฐบาล ถือว่ากลบกระแสข่าวลือได้ไปอีกระยะหนึ่ง
อ่านข่าว : ตร.คุมเข้มรอบศาล รธน.วินิจฉัย “พิธา” ถือหุ้น ITV พรุ่งนี้
จุดไม่ติด แต่ยังเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เมื่อกลุ่มนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย( คปท.)ที่นำโดย พิชิต ไชยมงคล แกนนำคปท.เตรียมระดมพลนัดชุมนุมกดดันรัฐบาลและกรมราชทัณฑ์ ในวันที่ 2 ก.พ.2567 โดยระหว่างนี้จะจัดชุมนุมไปตามภาคต่าง ๆ ทั้ง 4 ภาค ให้ครบทั้ง 77 จังหวัด ภาคแรก คือ ภาคตะวันออก ที่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี
โดยจะล่ารายชื่อให้ครบ 20,000 รายชื่อ ก่อนวันที่ 22 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่ “ทักษิณ ชินวัตร” จะได้รับการพักโทษ เพื่อนำรายชื่อทั้งหมดจะนำไปยื่นให้ประธานรัฐสภา ประสานยื่นต่อประธานศาลฎีกา ในการตั้งองค์คณะไต่สวนการทำงานของ ป.ป.ช. ในกรณีที่มีข้าราชการบางส่วนเอื้อประโยชน์ให้ ทักษิณ
ส่วน “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็รุกไม่หยุด บุกเข้าถ้ำราชทัณฑ์ ยื่นหนังสือต่อ “สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมคุกขอให้ดำเนินการตามประ มวลกฎหมายวิอาญา มาตรา 246 โดยเคร่งครัดในการทุเลาการบังคับโทษจำคุก
กรณี นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาด ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ศาลฯได้มีคำพิพากษาสั่งให้จำคุก 8 ปี ซึ่งต่อมา นช.ทักษิณ ได้ทำเรื่องถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาใน 3 คดี มีโทษจำคุกทั้ง 3 คดี รวม 8 ปี
ชาญชัย บอกว่า นช.ทักษิณ ได้ขอยอมรับผิดในการกระทำ และมีความสำนึกในความผิดที่กระทำ จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา และได้เหลือโทษจำคุก 1 ปี แต่ยัง อ้างอาการเจ็บป่วยหลายโรคในวัยชราต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่เคยถูกต้องขัง หรือจำคุกจริงตามคำพิพากษาของศาลฯ แม้แต่วันเดียว และอ้างป่วยต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญรักษา
ดังนั้นกรมราชทัณฑ์จึงต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ป.วิอาญาโดยเคร่งครัด กรณีนี้จึงเป็นเรื่องร้องขอรักษาตัว ถ้าถูกคุมขังจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตจึงต้องให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ถ้านำมาคุมขังที่เรือนจำกรมราชทัณฑ์ อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต หากต้องบังคับโทษในเรือนจำ
ชาญชัย ขยี้ซ้ำว่า กรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลว่า นช.ทักษิณ ชินวัตร ถ้าถูกจำคุกในเรือนจำอาจถึงแก่ชีวิต โดยขอให้ศาลมีคำสั่ง ทุเลาการบังคับโทษให้จำคุกตามประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญา ม.246(2) ซึ่งศาลอาจมีคำสั่งให้ควบคุม นช.ทักษิณ ในสถานที่อันควรนอกเรือนจำ หรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุก
จึงขอให้มีการดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน หากเกินเวลาที่กำหนด ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดตามกฎหมายต่อไป
มีแต่ประเด็นร้อนๆ แม้ดูเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นในลักษณะเรื่อยๆมาเรียงๆ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ต่างจากเริ่มการสุมไฟกองเล็กๆ โดยที่หลายคนๆอาจยังมองไม่เห็นวิกฤติที่รออยู่ข้างหน้า