วันนี้ (25 ม.ค.2567) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระการพิจารณาญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนหน้าที่การให้บริการไฟฟ้าที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการกองทัพไปอยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกอภิปรายสนับสนุน ว่า ธุรกิจกองทัพไม่ใช่หน้าที่ของทหาร และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด แต่เป็นกลไกที่ทำให้กองทัพเข้ามาพัวพันกับการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ ในลักษณะรัฐซ้อนรัฐ และเป็นแหล่งรายได้นอกระบบของนายพล เครือข่ายอุปถัมภ์ที่อยู่หลังม่านการเมือง กลายเป็นวัฒนธรรมสกปรกที่ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น ขาดความโปร่งใส
นอกจากนี้นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า แม้แต่องค์กรอิสระก็น้ำท่วมปาก กองทัพระบุว่าตรวจสอบตัวเอง แท้จริงแล้วคำว่าตรวจสอบตัวเองมัน ก็คือการทำตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ โดยไม่มีการตรวจสอบอะไร ทหารมักจะเอาความมั่นคงของประเทศมาเป็นข้ออ้าง
ยืนยันว่า ประเทศไทยในปัจจุบันเมื่อเทียบกับโลก เราอยู่ในสถานะที่ไม่มั่นคง และธุรกิจกองทัพเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศเสียเอง
นายวิโรจน์ ยกดัชนี Government Defence Integrity Index 2020 หรือดัชนี GDI ซึ่งเป็นดัชนีที่ชี้วัดคอร์รัปชันกองทัพและหน่วยงานความมั่นคง แต่ผลการประเมินปี 2020 กลับงามไส้ ประเทศไทยถูกประเมินอยู่ในระดับเสี่ยงมาก ประชาชนเข้าไม่ถึงงบประมาณของกองทัพ สะท้อนว่า กองทัพในปัจจุบันขาดสำนึกว่าเงินที่ใช้จ่ายอยู่ในทุกวันนี้เป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ กองทัพและกระทรวงกลาโหมไม่เคยให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือกรรมาธิการการทหาร ที่ตนเป็นประธาน พร้อมบอกว่า
เดี๋ยวท่านประธานจะรู้ว่าประธานที่ชื่อวิโรจน์ จะจัดการกับรัฐมนตรีที่ชื่อสุทินอย่างไร
อ่านข่าว จับกระแสการเมือง : วันที่ 25 ม.ค.2567 “ทิม พิธา” come back “ไออุ่นที่คุ้นเคย” ลุ้นต่อคดี ม.112
ขู่ซักฟอก “สุทิน” เมินให้กมธ.ตรวจสอบ
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า หลายครั้งที่หน่วยงานกองทัพไม่ให้ข้อมูลกับกรรมาธิการการทหาร หน้าดื้อตาใส ซึ่งเราไม่ยอม มีการทำหนังสือทวงถามกับกระทรวง 3 ครั้ง หลังจากนี้ จะมีหนังสือส่งโดยตรงถึงนายสุทินขอให้ท่านเร่งสั่งการให้ส่งข้อมูลมาโดยเร็ว และมีเส้นตายสุดท้ายจริงๆ
ถ้ายังไม่ส่งมา ก็ไม่ใช่แค่หน่วยงานในสังกัดเท่านั้นที่ไม่ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการ แต่แม้แต่รัฐมนตรีที่ชื่อสุทิน คลังแสง ก็มีเจตนาไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ต้องห่วงครับท่านประธาน เจออภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน
นายวิโรจน์ ระบุว่า งบกลาโหมถูกยกเว้นการรายงานอย่างที่ควรจะเป็นตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ต่างจากกระทรวงอื่น “โอ้โฮ ได้อภิสิทธิ์อีก” ซึ่งประชาชนไม่รู้ว่าธุรกิจกองทัพมีรายได้เท่าไหร่ และเรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธานนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เคยทราบหรือเคยใส่ใจหรือไม่
พอทราบแล้วก็อุทานว่า อุ๊ย ผมรับไม่ได้ ประชาชนเขารับไม่ได้มาตั้งนานแล้วท่านนายกรัฐมนตรี ฝากท่านประธานไปด้วย
นายวิโรจน์ กล่าวว่า จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ตนและเพื่อน สส.พรรคก้าวไกล ได้ยื่นแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพราะกองทัพได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลัง ในการจัดทำเงินนอกงบประมาณเอง ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้
นอกจากนี้ ยังบอกอีกว่า หลายวันก่อนมีนักข่าวถามว่าไปทำงานร่วมกันกับนายสุทิน หรือไม่ ได้ตอบนักข่าวว่าไปร่วมคงร่วมไม่ได้ แต่ถ้าไปแทนเนี่ยแน่นอน บอกไว้ตรงนี้ว่าสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาแนวทางในการคืนธุรกิจกองทัพให้รัฐบาล รวมทั้งให้จัดการเงินนอกงบประมาณอย่างโปร่งใส ไม่ปล่อยให้เสนาพาณิชย์กลายเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ
อ่านข่าวอื่นๆ
ศาลปกครองยกฟ้อง “สปน.-ไอทีวี” ปมสัมปทาน 2.8 พันล้าน
“สุทิน” เตรียมถก ผบ.ทร.หาทางออก “เรือดำน้ำ”